ผู้เขียน หัวข้อ: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''  (อ่าน 7575 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
วันนี้ โทรไปร้าน TRC รังสิต มีผู้ชาย น่าจะเป็นช่างประจำร้าน เพราะคนขายจะเป็นผู้หญิง
ผู้ชาย : TRC รังสิตครับ
ผม : ครับ ที่ร้านมี กรองอากาศK&N ของ BMW E46 เครื่อง N42มั๊ยครับ
ู้ผู้ชาย : กรองอากาศ? กรองอากาศไหน?
ผม : กรองK&Nหน่ะ
ผู้ชาย : กรองไหน? ไม่มีครับ
ผม : -_-''.......
ร้านแต่งรถแท้ๆ ดันไม่รู้จักกรองแต่งK&N
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

ยิ้มบางแสน

  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 3836
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 20, 2014, 17:42:05 »
โทรผิดเบอร์หรือเปล่าครับ แซวเล่นๆ นะครับ อิอิ
ยิ้มไซต์เข็มจิ้มซิม (ข้าพิชิตมาแล้วทุกสำนัก)


popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 20, 2014, 18:55:45 »
ระวังK&Nปลอมนะครับ มีโคตรเยอะ ดูไม่ออกแน่นอน ถ้าเจอพวกก๊อปAAA ใช้งานจริงๆไม่ได้เรื่องครับ

ผมเคยซื้อกรองCone filter มา ใช้ได้ไม่นาน กรองมีรู ถ้าปล่อยไว้นานนี่สร้างความเสียหายมหาศาลอันับแรดใบเทอร์โบฟันหลอ

ค่าซ่อมหลักหลายหมื่นทีเดียว

Schwarzrosette

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 865
  • OHHHHHHHHHH
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 20, 2014, 19:31:57 »
หาร้านที่มันเฉพาะทางกับยี่ห้อรถเถอะ

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 20, 2014, 20:34:47 »
สั่งซื้อรัานนี้ ก็ได้ครับ

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 20, 2014, 20:57:18 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
สั่งซื้อรัานนี้ ก็ได้ครับ

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รู้สึกว่าของจะหมด O0
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 20, 2014, 20:59:34 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 20, 2014, 21:02:34 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
หมดเหมือนกัน โทรสั่งให้มาส่งรังสิต คิดค่าส่ง400บาท ผมก็okแต่พอจะส่งกัน เช็กสต็อกแล้ว หมด :'(
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 02:11:21 »
ถามหน่อยครับ ทำไมถึงอยากได้พวกกรองK&N? สมัยผมเด็กๆผมเคยลอง ถอดกรองวิ่งด้วยซ้ำ ด้วยความสงสัยส่วนตัว

สรุปใส่กรองเดิมๆกลับ แล้วไม่เคยคิดจะเปลี่ยนกรองอีกเลย เว้นเสียแต่พวกกรองเปลือย ในกรณีที่พื้นที่มันจำกัดจำเป็นต้องใส่

ถ้าต้องการเสียงดุขึ้นเวลามันดูด อันนั้นโอเค แต่หวังประสิทธิภาพผมเฉยๆ แล้วรถที่ใช้แอร์โฟลว์มีคนเคยเจอปัญหาแอร์โฟลว์

พังมาหลายคัน เพราะ ไอ้น้ำยาเคลือบกรองมันหลุดเข้าไปติดขดลวดhotwire ในแอร์โฟลว์ เวลาใช้ไปนานๆ

intania

  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 825
  • MT rules
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 08:16:24 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แล้วรถที่ใช้แอร์โฟลว์มีคนเคยเจอปัญหาแอร์โฟลว์
พังมาหลายคัน เพราะ ไอ้น้ำยาเคลือบกรองมันหลุดเข้าไปติดขดลวดhotwire ในแอร์โฟลว์ เวลาใช้ไปนานๆ

ผมเอง ลืมไป ดันไปฉีดน้ำมันเคลือบกรองด้านที่เข้าเครื่อง  MAF เสียเลย  ;D ;D

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17011
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 08:30:05 »
เวิลด์เทค เลยครับ สั่งได้หมด ของผมกรองกั้นห้อง แบบตรงรุ่น หาอะไหล่ในบ้านเราไม่มีเลย เอาเลขพาร์ทไปให้ เขาจะสั่งจาก US มาให้เลยครับ รอ 3 เดือน (มาพร้อมกันกับรอบที่ร้านเขาสั่งของเข้่า) ราคาปกติไม่มีเสียค่าอะไรเพิ่มด้วยครับ


ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2014, 08:36:11 โดย tom46 »


M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 10:30:42 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ถามหน่อยครับ ทำไมถึงอยากได้พวกกรองK&N? สมัยผมเด็กๆผมเคยลอง ถอดกรองวิ่งด้วยซ้ำ ด้วยความสงสัยส่วนตัว

สรุปใส่กรองเดิมๆกลับ แล้วไม่เคยคิดจะเปลี่ยนกรองอีกเลย เว้นเสียแต่พวกกรองเปลือย ในกรณีที่พื้นที่มันจำกัดจำเป็นต้องใส่

ถ้าต้องการเสียงดุขึ้นเวลามันดูด อันนั้นโอเค แต่หวังประสิทธิภาพผมเฉยๆ แล้วรถที่ใช้แอร์โฟลว์มีคนเคยเจอปัญหาแอร์โฟลว์

พังมาหลายคัน เพราะ ไอ้น้ำยาเคลือบกรองมันหลุดเข้าไปติดขดลวดhotwire ในแอร์โฟลว์ เวลาใช้ไปนานๆ
เพราะคิดว่ามันคงจะดีจริงครับ เพราะมันผลิตในอเมริกา ของในอเมริกาไม่เหมือนของไทย ถ้าอวดอ้างสรรพคุณแล้วทำไม่ได้ตามนั้น จะโดนฟ้องได้ครับ ดังนั้น ถ้ามันไม่ดีจริง K&Nคงโดนฟ้องไปนานแล้ว กฏหมายเค้าเข้มงวดกว่าเราเยอะ จะทำอะไรต้องระวัง ส่วนเรื่องเสียหาย มันเกิดจากผู้ใช้ไม่ทำตามคู่มือ ไม่ใช่เกิดจากความผิดพลาดบริษัท  ถ้าซื้อมาแล้ว มันไม่ดีจริง ก็คงถอดออกใส่ของเดิม แล้วมาขายในเว็บถูกๆแล้วกัน

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
เวิลด์เทค เลยครับ สั่งได้หมด ของผมกรองกั้นห้อง แบบตรงรุ่น หาอะไหล่ในบ้านเราไม่มีเลย เอาเลขพาร์ทไปให้ เขาจะสั่งจาก US มาให้เลยครับ รอ 3 เดือน (มาพร้อมกันกับรอบที่ร้านเขาสั่งของเข้่า) ราคาปกติไม่มีเสียค่าอะไรเพิ่มด้วยครับ


ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน


เดียวลองดู แต่ถ้าต้องรอสามเดือน ผมสั่งebayดีกว่า เร็วดี ช่วงนี้สั่งบ่อยด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2014, 10:32:37 โดย Chris »
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17011
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 10:47:17 »
แบบ แทนของเดิม คงไม่น่าจะต้องรอครับ น่าจะมีเลยครับ


M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 13:26:19 »
ตามปกติไส้กรองกระดาษจะต้องเป่าทำความสะอาดทุกๆ 5,000 กม. และเปลี่ยนใหม่ทุก 10,000 กม. แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า เมื่อฝุ่นละอองเข้าไปจับในรูกระดาษแล้ว จะไม่สามารถเป่าฝุ่นละอองขนาดเล็กๆ ออก ทำให้เนื้อที่กระดาษที่อากาศผ่านได้น้อยลง เมื่อการใช้ถึงระยะ 7,000-8,000 กม. ไส้กรองจะเริ่มตัน จนอากาศเข้าเครื่องยนต์ไม่เพียงพอ ส่วนผสมของน้ำมันและอากาศเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดควันดำ สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง ซึ่งหลายท่านอาจไม่ตระหนักถึงข้อเสียนี้ ยกตัวอย่างรถท่านกินน้ำมันเชื้อเพลิง 10 กม./ลิตร เมื่อใช้ไส้กรองอากาศใหม่ หากไส้กรองเริ่มอุดตันที่ 7,500 กม. ที่เหลืออีก 2,500 กม. รถของท่านกินน้ำมัน 8 กม./ลิตร หมายถึงท่านสิ้นเปลืองน้ำมันไป 62.5 ลิตรX26 บาท/ลิตร = 1,625 บาท ที่ท่านเสียไปเปล่าๆ ทุกๆ 10,000 กม. แถมสร้างมลพิษทางอากาศจากควันดำ ในขณะที่ไส้กรอง K&N จะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ แต่ช่วยท่านประหยัด ยิ่งใช้รถมากเท่าใด ยิ่งประหยัดมากขึ้นเท่านั้น


ภาพนี้เป็นของตรงรุ่น  4 สูบ N42  ผมใช้อยู่ พบว่าเครื่องลื่นมาก เดินเรียบ













1 และ 6 คลื่นอากาศจะถูกเรียงเป็นแนวตรงก่อนเข้าเครื่องยนต์ 2 ผ้าฝ้าย 4 ชั้นเคลือบด้วยน้ำมัน 3 ฝุ่นที่จับอยู่ผิวไส้กรองจะไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน อากาศยังคงผ่านได้อย่างสะดวก 4 ฝุ่นหยาบจะเปรียบเสมือนกรองชั้นนอก 5 โครงลวดหุ้มผ้าฝ้ายช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับผ้ากรอง








เนื่องจากไส้กรองอากาศ K&N ทำจากฝ้ายเกรดสูงสุดที่ใช้ในการผ่าตัดนำมาพับ 4 ชั้น แล้วอบด้วยความร้อนเพื่อให้เนื้อผ้าฝ้ายยึดติดกันจากนั้นเสริมด้วย โครงลวดสแตนเลส เพื่อความแข็งแรงสุดท้ายเคลือบด้วยน้ำมัน อากาศจะผ่านไส้กรอง ได้มากกว่ากระดาษกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ฝุ่นจะถูกจับที่ผิวจากน้ำมันที่เคลือบไว้ โดยประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นของไส้กรอง K&N จะสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ไส้กรองกระดาษจะมีประสิทธิภาพการกรองเพียง 92-94 เปอร์เซ็นต์ ประสิทธิภาพในการกรองหมายถึง ปริมาณที่จับฝุ่นได้ 98 เปอร์เซ็นต์ แต่จะยอมให้ฝุ่นผ่านเข้าในเครื่องยนต์ 2 เปอร์เซ็นต์ ไส้กรองอากาศจะไม่วัดเป็นไมครอนตามที่เข้าใจกัน

ผลของอากาศที่ผ่านได้มากกว่าจะช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ท่านอีกไม่น้อยกว่า 2-3 แรงม้า ท่านจะรู้สึกได้ โดยทันทีว่าเครื่องยนต์ลื่นขึ้น และมีกำลังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วง Kick down ในเกียร์ออโตเมติคท่านจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับไส้กรองกระดาษ

ในสภาพการใช้งานบนท้องถนนตามปกติในประเทศไทย K&N แนะนำให้ถอดล้างทำความสะอาดประมาณทุก 20,000 กม. หรือจนกระทั่งฝุ่นจับจนไม่เห็นเส้นลวด(ไม่จำเป็นต้องล้างบ่อยนักเพราะจะทำให้อายุไส้กรองสั้นโดยไม่จำเป็น) ไส้กรอง K&N สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ถึง 25 ครั้ง เจาะจงเลือกใช้แต่น้ำยาล้าง และน้ำยาเคลือบของ K&N เท่านั้น การใช้ผงซักฟอกหรือเบนซินล้างจะทำให้เนื้อฝ้ายเปื่อยและเสียรูปอย่างรวดเร็ว

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2014, 13:31:02 โดย Krisada511 »
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 14:39:58 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ตามปกติไส้กรองกระดาษจะต้องเป่าทำความสะอาดทุกๆ 5,000 กม. และเปลี่ยนใหม่ทุก 10,000 กม. แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า เมื่อฝุ่นละอองเข้าไปจับในรูกระดาษแล้ว จะไม่สามารถเป่าฝุ่นละอองขนาดเล็กๆ ออก ทำให้เนื้อที่กระดาษที่อากาศผ่านได้น้อยลง เมื่อการใช้ถึงระยะ 7,000-8,000 กม. ไส้กรองจะเริ่มตัน จนอากาศเข้าเครื่องยนต์ไม่เพียงพอ ส่วนผสมของน้ำมันและอากาศเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดควันดำ สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง ซึ่งหลายท่านอาจไม่ตระหนักถึงข้อเสียนี้ ยกตัวอย่างรถท่านกินน้ำมันเชื้อเพลิง 10 กม./ลิตร เมื่อใช้ไส้กรองอากาศใหม่ หากไส้กรองเริ่มอุดตันที่ 7,500 กม. ที่เหลืออีก 2,500 กม. รถของท่านกินน้ำมัน 8 กม./ลิตร หมายถึงท่านสิ้นเปลืองน้ำมันไป 62.5 ลิตรX26 บาท/ลิตร = 1,625 บาท ที่ท่านเสียไปเปล่าๆ ทุกๆ 10,000 กม. แถมสร้างมลพิษทางอากาศจากควันดำ ในขณะที่ไส้กรอง K&N จะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ แต่ช่วยท่านประหยัด ยิ่งใช้รถมากเท่าใด ยิ่งประหยัดมากขึ้นเท่านั้น


ภาพนี้เป็นของตรงรุ่น  4 สูบ N42  ผมใช้อยู่ พบว่าเครื่องลื่นมาก เดินเรียบ













1 และ 6 คลื่นอากาศจะถูกเรียงเป็นแนวตรงก่อนเข้าเครื่องยนต์ 2 ผ้าฝ้าย 4 ชั้นเคลือบด้วยน้ำมัน 3 ฝุ่นที่จับอยู่ผิวไส้กรองจะไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน อากาศยังคงผ่านได้อย่างสะดวก 4 ฝุ่นหยาบจะเปรียบเสมือนกรองชั้นนอก 5 โครงลวดหุ้มผ้าฝ้ายช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับผ้ากรอง








เนื่องจากไส้กรองอากาศ K&N ทำจากฝ้ายเกรดสูงสุดที่ใช้ในการผ่าตัดนำมาพับ 4 ชั้น แล้วอบด้วยความร้อนเพื่อให้เนื้อผ้าฝ้ายยึดติดกันจากนั้นเสริมด้วย โครงลวดสแตนเลส เพื่อความแข็งแรงสุดท้ายเคลือบด้วยน้ำมัน อากาศจะผ่านไส้กรอง ได้มากกว่ากระดาษกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ฝุ่นจะถูกจับที่ผิวจากน้ำมันที่เคลือบไว้ โดยประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นของไส้กรอง K&N จะสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ไส้กรองกระดาษจะมีประสิทธิภาพการกรองเพียง 92-94 เปอร์เซ็นต์ ประสิทธิภาพในการกรองหมายถึง ปริมาณที่จับฝุ่นได้ 98 เปอร์เซ็นต์ แต่จะยอมให้ฝุ่นผ่านเข้าในเครื่องยนต์ 2 เปอร์เซ็นต์ ไส้กรองอากาศจะไม่วัดเป็นไมครอนตามที่เข้าใจกัน

ผลของอากาศที่ผ่านได้มากกว่าจะช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ท่านอีกไม่น้อยกว่า 2-3 แรงม้า ท่านจะรู้สึกได้ โดยทันทีว่าเครื่องยนต์ลื่นขึ้น และมีกำลังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วง Kick down ในเกียร์ออโตเมติคท่านจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับไส้กรองกระดาษ

ในสภาพการใช้งานบนท้องถนนตามปกติในประเทศไทย K&N แนะนำให้ถอดล้างทำความสะอาดประมาณทุก 20,000 กม. หรือจนกระทั่งฝุ่นจับจนไม่เห็นเส้นลวด(ไม่จำเป็นต้องล้างบ่อยนักเพราะจะทำให้อายุไส้กรองสั้นโดยไม่จำเป็น) ไส้กรอง K&N สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ถึง 25 ครั้ง เจาะจงเลือกใช้แต่น้ำยาล้าง และน้ำยาเคลือบของ K&N เท่านั้น การใช้ผงซักฟอกหรือเบนซินล้างจะทำให้เนื้อฝ้ายเปื่อยและเสียรูปอย่างรวดเร็ว

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

ขออนุญาติเสนอความเห็นส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวครับ


รถยนต์ควบคุมการจ่ายปริมาณน้ำมัน โดยเซนเซอร์ส่วนใหญ่2ตัว คือ MAFหรือMap sensor ตามแต่เครื่องยนต์และO2 sensor คือตัวจับoutput
คือค่าของไอเสียเพื่อมาปรับชดเชย ทำงานควบคู่กันไป...

MAF ทำงานโดยภายในจะมีขดลวดHotwire ปกติจะทำความสะอาดตัวมันเองเวลาที่เราดับเครื่อง1/1000วินาที มันจะวาบไฟขึ้นมาเพื่อให้ขดลวด
สะอาดและทำงานได้แม่นยำ MAF ทำงานโดยการวัดFlowrate ของอากาศ ไม่ได้วัดปริมาณของอากาศ เพราะMass ของอากาศแปรผันตามอุณหภูมิ,
Altitude (ความสูงของระดับน้ำทะเล) แรงดันบรรยากาศ(Atmospheric pressure) จะไม่เท่ากัน ส่งผลให้ค่าวัดมันเพี้ยนเพราะฉะนั้นMAF

กรองอากาศตัน ทำให้ส่วนผสมหนา จริงมั้ย? ไม่จริง เพราะ? MAF วัดFlowrateของอากาศ สมมติว่าเราใช้งานมาระยะหนึ่งเริ่มมีฝุ่นอุดตัน
อากาศเข้าได้ยากขึ้น Flowของอากาศที่วิ่งผ่านMAF มันก็จะช้าลง เพราะฉะนั้น ค่าที่ส่งไปECU มันก็จ่ายน้ำมันน้อยลงตาม เพราะฉะนั้น
สาเหตุที่ควันดำ จากกรองตันเป็นไปไม่ได้แน่นอนกับรถรุ่นใหม่ๆ เว้นเสียแต่รถกระบะดีเซลล์สมัยเก่าที่ยังใช้ปั๊มดีเซลแบบกลไก ไม่ใช่ระบบ
คอมมอนเรลในปัจจุบัน อันนั้นมีผลแน่นอน อนึ่งO2 sensor มันก็จะจับสัญญาณที่output อีกทีหนึ่ง เพื่อไปให้ค่าECU ปรับA/Fอีกทีหนึ่ง

กรองตันทำไมรถวิ่งไม่ออก เครื่องยนต์แบบNatural Aspirated ใช้แวคคั่มจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบขึ้นลง เกิดสูญญากาศในระบบท่อไอดี
เพื่อดูดอากาศผ่านกรองอากาศ โดยมีลิ้นปีกผีเสื้อคั่นกลาง เป็นตัวลด/เพิ่ม แวคคั่มในการดูดอากาศผ่านกรองอากาศเข้ามา เมื่อตัวกรองอากาศ
เริ่มอุดตัน มันจะต้องการแวคคั่มมากขึ้น(เพื่อดูดอากาศเข้ามา)เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น เพื่อเพิ่มแวคคั่มในการพยายามดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ได้มากขึ้น ปกติเครื่องยนต์เองจะมีแรงเฉื่อยหลังจากการสันดาป เมื่อเครื่องยนต์มีภาระที่จะต้องสร้างแวคคั่มมากขึ้น การfree moving ของเครื่องยนต์จะน้อยลง มันเลยกินน้ำมันมากขึ้น หากนึกไม่ออก ให้ลองนึกถึงจักรยาน เวลาทางราบ หรือทางลงเนิน ตีนผีจักรยานเราจะปั่นสบายเวลาลอยตัว แต่เวลาปั่นขึ้นเนิน เราจำเป็นจะต้องออกแรงถีบตีนผีไปข้างหน้าตลอดเวลา เพราะมันมีโหลดมากขึ้นจากการปั่นขึ้นเนิน เครื่องยนต์เองมันก็จะมีโหลดจากการที่ต้องพยายามดูดอากาศผ่านกรองเข้ามาให้ได้มากขึ้น

หลักการทำงานของกรองซิ่ง โดยlogic ง่ายๆ ของการFlow อากาศมีแค่นี้ครับ Less restriction=More flow=More dust
More Restriction=Less flow=Less Dust. K&N เลยใช้น้ำยามาเคลือบเอาไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่น
แต่ปัญหาของมันคือ คุณว่า ของเหลว ชนิดไหนที่จะสามารถดักฝุ่นได้ดีระหว่าง น้ำ หรือ น้ำมันครับ? น้ำยาพวกนี้มีส่วนผสม
ของน้ำมัน เวลาที่เราใช้ไปนานๆขนาดอากาศยังดูดเข้า ปริมาณอากาศที่มันแล่นผ่านกรองอากาศ มันตั้งหลายCFM พวกนี้มันจะ
หลุดไปเคลือบHotwire พอนานๆเข้า มันจะเสียหายครับ เจอกันมาเยอะ อันนี้แล้วแต่ความเห็นสมาชิกนะครับ ผมเองไม่ได้มีส่วนได้
ส่วนเสีย เพียงแต่ผมพยายามอธิบายให้เห็นภาพตามความเป็นจริงเท่านั้นครับ

รถเบนซินถ้าควันจะดำได้นะครับ A/F Ratio ต้องลงแถวๆ0.69-0.73ที่รอบสูงๆครับ แบบนั้นควันออกเป็นเส้นครับ A/F Ratio 0.69
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงงงว่ามันหนาแค่ไหน เอาง่ายๆหนาพอที่หัวเทียนธรรมดา จุดระเบิดแทบไม่ติดแล้วครับ หรือภาษาชาวบ้านเรียก
ว่าหัวเทียนบอด

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ถามหน่อยครับ ทำไมถึงอยากได้พวกกรองK&N? สมัยผมเด็กๆผมเคยลอง ถอดกรองวิ่งด้วยซ้ำ ด้วยความสงสัยส่วนตัว

สรุปใส่กรองเดิมๆกลับ แล้วไม่เคยคิดจะเปลี่ยนกรองอีกเลย เว้นเสียแต่พวกกรองเปลือย ในกรณีที่พื้นที่มันจำกัดจำเป็นต้องใส่

ถ้าต้องการเสียงดุขึ้นเวลามันดูด อันนั้นโอเค แต่หวังประสิทธิภาพผมเฉยๆ แล้วรถที่ใช้แอร์โฟลว์มีคนเคยเจอปัญหาแอร์โฟลว์

พังมาหลายคัน เพราะ ไอ้น้ำยาเคลือบกรองมันหลุดเข้าไปติดขดลวดhotwire ในแอร์โฟลว์ เวลาใช้ไปนานๆ
เพราะคิดว่ามันคงจะดีจริงครับ เพราะมันผลิตในอเมริกา ของในอเมริกาไม่เหมือนของไทย ถ้าอวดอ้างสรรพคุณแล้วทำไม่ได้ตามนั้น จะโดนฟ้องได้ครับ ดังนั้น ถ้ามันไม่ดีจริง K&Nคงโดนฟ้องไปนานแล้ว กฏหมายเค้าเข้มงวดกว่าเราเยอะ จะทำอะไรต้องระวัง ส่วนเรื่องเสียหาย มันเกิดจากผู้ใช้ไม่ทำตามคู่มือ ไม่ใช่เกิดจากความผิดพลาดบริษัท  ถ้าซื้อมาแล้ว มันไม่ดีจริง ก็คงถอดออกใส่ของเดิม แล้วมาขายในเว็บถูกๆแล้วกัน

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
เวิลด์เทค เลยครับ สั่งได้หมด ของผมกรองกั้นห้อง แบบตรงรุ่น หาอะไหล่ในบ้านเราไม่มีเลย เอาเลขพาร์ทไปให้ เขาจะสั่งจาก US มาให้เลยครับ รอ 3 เดือน (มาพร้อมกันกับรอบที่ร้านเขาสั่งของเข้่า) ราคาปกติไม่มีเสียค่าอะไรเพิ่มด้วยครับ


ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน


เดียวลองดู แต่ถ้าต้องรอสามเดือน ผมสั่งebayดีกว่า เร็วดี ช่วงนี้สั่งบ่อยด้วย

สินค้าอเมริกา ที่ไม่ได้มาตรฐานก็มีเยอะครับ ลองไปอ่านดูครับในเว็บK&N เอง สรรพคุณเค้าที่ลงไว้สามารถดิ้นได้
ในทางกฎหมายเกือบหมดครับ Designed for increase Horsepower แปลเป็นไทย คือถูกออกแบบเพื่อเพิ่มแรงม้า.
แรงม้าเท่าไหร่? 2ม้า 3ม้า etc เค้าไม่ได้ระบุไว้ครับ พอเอาเข้าจริงๆสมมติว่ามีคนหัวหมอบอกว่าสมมติว่าไปลองทดสอบ ทำไม
ไม่แรงขึ้น บริษัทมีทางดิ้นอีกเยอะครับ เครื่องยนต์คุณสมบูรณ์ไหม ถ้ารถคุณเป็นรถเก่า มันก็จะมีfactor ให้ทางผู้ผลิตอีกเยอะ
แม้กระทั่ง ผู้ผลิตยังสามารถอ้างได้ด้วยซ้ำว่าการทดลองกรองอากาศ ได้ทดสอบในDyno Lab โดยมีการกำหนดความชื้นสัมพัทธ์อากาศ
ที่เหมาะสม คุณภาพน้ำมัน นู่นนี่นั่น factor อีกบาน แค่นี้ผู้บริโภคก็แพ้แล้วครับ ต่อให้มันไม่แรงมันก็ยังได้เสียงดูดที่ไพเราะขึ้นก็โอเคนะ

สำหรับผมเอง1-2แรงม้า ผมมองว่าแรงม้าที่คนขับพอจะรู้สึกได้จากการใช้งานจริงๆอย่างน้อย5-7แรงม้าครับ 1-2แรงม้า มันเท่ากับ20%จาก
ความรู้สึกที่พอจะสัมผัสได้ ซึ่งใช้งานจริงๆ
ลดunsprung weight ล้อละ 2kgs =ลดน้ำหนักoverall weight ไป64kgs แบบนี้เห็นผลกว่าครับ

0.02 ครับ ข้อมูลผมเลือกเสพนะครับ ตรงไหนคิดว่ามีประโยชน์ก็เลือกอ่านครับ ตรงไหนที่คิดว่าไม่ถูกต้องไม่ต้องใส่ใจครับปล่อยผ่านๆไปสบายๆครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2014, 14:45:35 โดย popdemonic »

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17011
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 14:57:22 »
ขออนุญาติเสนอความเห็นส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวครับ


รถยนต์ควบคุมการจ่ายปริมาณน้ำมัน โดยเซนเซอร์ส่วนใหญ่2ตัว คือ MAFหรือMap sensor ตามแต่เครื่องยนต์และO2 sensor คือตัวจับoutput
คือค่าของไอเสียเพื่อมาปรับชดเชย ทำงานควบคู่กันไป...

MAF ทำงานโดยภายในจะมีขดลวดHotwire ปกติจะทำความสะอาดตัวมันเองเวลาที่เราดับเครื่อง1/1000วินาที มันจะวาบไฟขึ้นมาเพื่อให้ขดลวด
สะอาดและทำงานได้แม่นยำ MAF ทำงานโดยการวัดFlowrate ของอากาศ ไม่ได้วัดปริมาณของอากาศ เพราะMass ของอากาศแปรผันตามอุณหภูมิ,
Altitude (ความสูงของระดับน้ำทะเล) แรงดันบรรยากาศ(Atmospheric pressure) จะไม่เท่ากัน ส่งผลให้ค่าวัดมันเพี้ยนเพราะฉะนั้นMAF

กรองอากาศตัน ทำให้ส่วนผสมหนา จริงมั้ย? ไม่จริง เพราะ? MAF วัดFlowrateของอากาศ สมมติว่าเราใช้งานมาระยะหนึ่งเริ่มมีฝุ่นอุดตัน
อากาศเข้าได้ยากขึ้น Flowของอากาศที่วิ่งผ่านMAF มันก็จะช้าลง เพราะฉะนั้น ค่าที่ส่งไปECU มันก็จ่ายน้ำมันน้อยลงตาม เพราะฉะนั้น
สาเหตุที่ควันดำ จากกรองตันเป็นไปไม่ได้แน่นอนกับรถรุ่นใหม่ๆ เว้นเสียแต่รถกระบะดีเซลล์สมัยเก่าที่ยังใช้ปั๊มดีเซลแบบกลไก ไม่ใช่ระบบ
คอมมอนเรลในปัจจุบัน อันนั้นมีผลแน่นอน อนึ่งO2 sensor มันก็จะจับสัญญาณที่output อีกทีหนึ่ง เพื่อไปให้ค่าECU ปรับA/Fอีกทีหนึ่ง

กรองตันทำไมรถวิ่งไม่ออก เครื่องยนต์แบบNatural Aspirated ใช้แวคคั่มจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบขึ้นลง เกิดสูญญากาศในระบบท่อไอดี
เพื่อดูดอากาศผ่านกรองอากาศ โดยมีลิ้นปีกผีเสื้อคั่นกลาง เป็นตัวลด/เพิ่ม แวคคั่มในการดูดอากาศผ่านกรองอากาศเข้ามา เมื่อตัวกรองอากาศ
เริ่มอุดตัน มันจะต้องการแวคคั่มมากขึ้น(เพื่อดูดอากาศเข้ามา)เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น เพื่อเพิ่มแวคคั่มในการพยายามดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ได้มากขึ้น ปกติเครื่องยนต์เองจะมีแรงเฉื่อยหลังจากการสันดาป เมื่อเครื่องยนต์มีภาระที่จะต้องสร้างแวคคั่มมากขึ้น การfree moving ของเครื่องยนต์จะน้อยลง มันเลยกินน้ำมันมากขึ้น หากนึกไม่ออก ให้ลองนึกถึงจักรยาน เวลาทางราบ หรือทางลงเนิน ตีนผีจักรยานเราจะปั่นสบายเวลาลอยตัว แต่เวลาปั่นขึ้นเนิน เราจำเป็นจะต้องออกแรงถีบตีนผีไปข้างหน้าตลอดเวลา เพราะมันมีโหลดมากขึ้นจากการปั่นขึ้นเนิน เครื่องยนต์เองมันก็จะมีโหลดจากการที่ต้องพยายามดูดอากาศผ่านกรองเข้ามาให้ได้มากขึ้น

หลักการทำงานของกรองซิ่ง โดยlogic ง่ายๆ ของการFlow อากาศมีแค่นี้ครับ Less restriction=More flow=More dust
More Restriction=Less flow=Less Dust. K&N เลยใช้น้ำยามาเคลือบเอาไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่น
แต่ปัญหาของมันคือ คุณว่า ของเหลว ชนิดไหนที่จะสามารถดักฝุ่นได้ดีระหว่าง น้ำ หรือ น้ำมันครับ? น้ำยาพวกนี้มีส่วนผสม
ของน้ำมัน เวลาที่เราใช้ไปนานๆขนาดอากาศยังดูดเข้า ปริมาณอากาศที่มันแล่นผ่านกรองอากาศ มันตั้งหลายCFM พวกนี้มันจะ
หลุดไปเคลือบHotwire พอนานๆเข้า มันจะเสียหายครับ เจอกันมาเยอะ อันนี้แล้วแต่ความเห็นสมาชิกนะครับ ผมเองไม่ได้มีส่วนได้
ส่วนเสีย เพียงแต่ผมพยายามอธิบายให้เห็นภาพตามความเป็นจริงเท่านั้นครับ

รถเบนซินถ้าควันจะดำได้นะครับ A/F Ratio ต้องลงแถวๆ0.69-0.73ที่รอบสูงๆครับ แบบนั้นควันออกเป็นเส้นครับ A/F Ratio 0.69
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงงงว่ามันหนาแค่ไหน เอาง่ายๆหนาพอที่หัวเทียนธรรมดา จุดระเบิดแทบไม่ติดแล้วครับ หรือภาษาชาวบ้านเรียก
ว่าหัวเทียนบอด

========================================================================


ชอบมากครับ ความรู้ทั้งนั้นเลย

พออ่านดู กลับมานั่งคิด รถผมที่ misfire ไม่เลิกจะมาจากสาเหตุนี้หรือเปล่าครับ


M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

Schwarzrosette

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 865
  • OHHHHHHHHHH
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 18:02:16 »
หลักการทำงานของกรองซิ่ง โดยlogic ง่ายๆ ของการFlow อากาศมีแค่นี้ครับ Less restriction=More flow=More dust
More Restriction=Less flow=Less Dust. K&N เลยใช้น้ำยามาเคลือบเอาไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่น
แต่ปัญหาของมันคือ คุณว่า ของเหลว ชนิดไหนที่จะสามารถดักฝุ่นได้ดีระหว่าง น้ำ หรือ น้ำมันครับ? น้ำยาพวกนี้มีส่วนผสม
ของน้ำมัน เวลาที่เราใช้ไปนานๆขนาดอากาศยังดูดเข้า ปริมาณอากาศที่มันแล่นผ่านกรองอากาศ มันตั้งหลายCFM พวกนี้มันจะ
หลุดไปเคลือบHotwire พอนานๆเข้า มันจะเสียหายครับ


มาร์กไว้ให้สำหรับผู้ที่ MAF บินบ่อยจนน่าเบื่อ

popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 18:30:47 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขออนุญาติเสนอความเห็นส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวครับ


รถยนต์ควบคุมการจ่ายปริมาณน้ำมัน โดยเซนเซอร์ส่วนใหญ่2ตัว คือ MAFหรือMap sensor ตามแต่เครื่องยนต์และO2 sensor คือตัวจับoutput
คือค่าของไอเสียเพื่อมาปรับชดเชย ทำงานควบคู่กันไป...

MAF ทำงานโดยภายในจะมีขดลวดHotwire ปกติจะทำความสะอาดตัวมันเองเวลาที่เราดับเครื่อง1/1000วินาที มันจะวาบไฟขึ้นมาเพื่อให้ขดลวด
สะอาดและทำงานได้แม่นยำ MAF ทำงานโดยการวัดFlowrate ของอากาศ ไม่ได้วัดปริมาณของอากาศ เพราะMass ของอากาศแปรผันตามอุณหภูมิ,
Altitude (ความสูงของระดับน้ำทะเล) แรงดันบรรยากาศ(Atmospheric pressure) จะไม่เท่ากัน ส่งผลให้ค่าวัดมันเพี้ยนเพราะฉะนั้นMAF

กรองอากาศตัน ทำให้ส่วนผสมหนา จริงมั้ย? ไม่จริง เพราะ? MAF วัดFlowrateของอากาศ สมมติว่าเราใช้งานมาระยะหนึ่งเริ่มมีฝุ่นอุดตัน
อากาศเข้าได้ยากขึ้น Flowของอากาศที่วิ่งผ่านMAF มันก็จะช้าลง เพราะฉะนั้น ค่าที่ส่งไปECU มันก็จ่ายน้ำมันน้อยลงตาม เพราะฉะนั้น
สาเหตุที่ควันดำ จากกรองตันเป็นไปไม่ได้แน่นอนกับรถรุ่นใหม่ๆ เว้นเสียแต่รถกระบะดีเซลล์สมัยเก่าที่ยังใช้ปั๊มดีเซลแบบกลไก ไม่ใช่ระบบ
คอมมอนเรลในปัจจุบัน อันนั้นมีผลแน่นอน อนึ่งO2 sensor มันก็จะจับสัญญาณที่output อีกทีหนึ่ง เพื่อไปให้ค่าECU ปรับA/Fอีกทีหนึ่ง

กรองตันทำไมรถวิ่งไม่ออก เครื่องยนต์แบบNatural Aspirated ใช้แวคคั่มจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบขึ้นลง เกิดสูญญากาศในระบบท่อไอดี
เพื่อดูดอากาศผ่านกรองอากาศ โดยมีลิ้นปีกผีเสื้อคั่นกลาง เป็นตัวลด/เพิ่ม แวคคั่มในการดูดอากาศผ่านกรองอากาศเข้ามา เมื่อตัวกรองอากาศ
เริ่มอุดตัน มันจะต้องการแวคคั่มมากขึ้น(เพื่อดูดอากาศเข้ามา)เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น เพื่อเพิ่มแวคคั่มในการพยายามดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ได้มากขึ้น ปกติเครื่องยนต์เองจะมีแรงเฉื่อยหลังจากการสันดาป เมื่อเครื่องยนต์มีภาระที่จะต้องสร้างแวคคั่มมากขึ้น การfree moving ของเครื่องยนต์จะน้อยลง มันเลยกินน้ำมันมากขึ้น หากนึกไม่ออก ให้ลองนึกถึงจักรยาน เวลาทางราบ หรือทางลงเนิน ตีนผีจักรยานเราจะปั่นสบายเวลาลอยตัว แต่เวลาปั่นขึ้นเนิน เราจำเป็นจะต้องออกแรงถีบตีนผีไปข้างหน้าตลอดเวลา เพราะมันมีโหลดมากขึ้นจากการปั่นขึ้นเนิน เครื่องยนต์เองมันก็จะมีโหลดจากการที่ต้องพยายามดูดอากาศผ่านกรองเข้ามาให้ได้มากขึ้น

หลักการทำงานของกรองซิ่ง โดยlogic ง่ายๆ ของการFlow อากาศมีแค่นี้ครับ Less restriction=More flow=More dust
More Restriction=Less flow=Less Dust. K&N เลยใช้น้ำยามาเคลือบเอาไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่น
แต่ปัญหาของมันคือ คุณว่า ของเหลว ชนิดไหนที่จะสามารถดักฝุ่นได้ดีระหว่าง น้ำ หรือ น้ำมันครับ? น้ำยาพวกนี้มีส่วนผสม
ของน้ำมัน เวลาที่เราใช้ไปนานๆขนาดอากาศยังดูดเข้า ปริมาณอากาศที่มันแล่นผ่านกรองอากาศ มันตั้งหลายCFM พวกนี้มันจะ
หลุดไปเคลือบHotwire พอนานๆเข้า มันจะเสียหายครับ เจอกันมาเยอะ อันนี้แล้วแต่ความเห็นสมาชิกนะครับ ผมเองไม่ได้มีส่วนได้
ส่วนเสีย เพียงแต่ผมพยายามอธิบายให้เห็นภาพตามความเป็นจริงเท่านั้นครับ

รถเบนซินถ้าควันจะดำได้นะครับ A/F Ratio ต้องลงแถวๆ0.69-0.73ที่รอบสูงๆครับ แบบนั้นควันออกเป็นเส้นครับ A/F Ratio 0.69
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงงงว่ามันหนาแค่ไหน เอาง่ายๆหนาพอที่หัวเทียนธรรมดา จุดระเบิดแทบไม่ติดแล้วครับ หรือภาษาชาวบ้านเรียก
ว่าหัวเทียนบอด

========================================================================


ชอบมากครับ ความรู้ทั้งนั้นเลย

พออ่านดู กลับมานั่งคิด รถผมที่ misfire ไม่เลิกจะมาจากสาเหตุนี้หรือเปล่าครับ

ระบบไฟหลักๆมี 4อย่างที่ทำให้misfireครับ
-switching เป็นตัวกำหนดfiring order ของการจุดระเบิด 1 2 3 4 ...
-Ign. Coils ตัวนี้ แบ่งออกเป็น2ประเภท คือ เป็นขดลวด ทำหน้าที่จ่ายไฟอย่างเดียว ตัวอย่างพวกคอยล์ใน523i E39 กับเป็นSwitching+Ign. Coil ในตัว มักจะใช้ในคอยล์รุ่นใหม่ๆพวกรถยนต์รุ่นใหม่ๆทั้งหลาย พวกAudi ปี2000 onward TTS,TTRS,Lamborghini Gallardo,Murcielago เป็นคอยล์แบบintegrated switching หมด ข้อเสียคือ ความทนทานสู้แบบโบราณไม่ได้แต่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ค่าตัวเป็นมิตรกว่า
 เพื่อประหยัดชิ้นส่วน ประหยัดต้นทุน 
-Ignition wire,plugs boot สายหัวเทียน ปลั๊กหัวเทียน
-หัวเทียน

มีแค่นี้ครับ วิธีเช็คง่ายๆ
- หัวเทียน ง่ายที่สุดคือสลับหัวเทียนดูหรือRegap ตั้งเขี้ยวหัวเทียนให้ชิดขึ้น อาการจะสะดุดต่อเนื่องคงที่
- ถ้าเป็นที่สายหัวเทียนโดยมาก มันจะสะดุดไม่คงที่ เพราะถ้าสายมีรอยฉีกขาดมันจะพยายามกระโดดลงกราวน์
   ที่มันอยู่ใกล้ที่สุดยิ่งมีโหลดมาก เช่นรอบสูงมันจะยิ่งโดดถี่ แต่สายหัวเทียนถ้าเสียหายมักจะเป็นตั้งแต่รอบเดินเบา
   มันจะสะดุดไม่แน่ไม่นอน
-คอยล์จุดระเบิด หรืออาการคอยล์ล้า มักจะเป็นที่รอบสูง (มีโหลดมาก)หรือ ขับไปจนร้อนๆ ค่าความต้านทานในสาย
 ในหัวเทียนมากขึ้น ไฟมันส่งไปไม่ไหว ก็จุดว่าวครับ



ใช้อุปกรณ์ตัวนี้ครับ หรือทำเองก็ได้ วัดว่าไฟสุบไหนอ่อน โดยใช้ระยะห่างการกระโดดของไฟ ยิ่งโดดได้ไกลแสดงว่า
 คอยล์ยงสุขภาพดี ตัวนี้อ่อนที่สุด(โดดได้ไกลน้อยสุด) ให้พุ่งไปที่สูบนั้นครับ

เวลาที่รถmisfire หากเป็นที่เดินเบา วิธีหาว่ามันมีปห ที่สูบไหน ให้ไล่ ดึงปลั๊กสายไฟที่เข้าหัวฉีกที่ละหัวไล่ไปจากสูบ1>>>4
สมมติสูบ 1 ดึงปลั๊กออก เครื่องสะดุดมากขึ้น แสดงว่า สูบนั้น ไม่misfireให้เสียบปลั๊กกลับ
จากนั้นลองดึงสูบ2  ดึงปลั๊กออก ถ้าเครื่องไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือไม่สะดุดมากขึ้น แสดงว่า สูบนั้น misfire

พอไล่จนครบ จากนั้น ก็ใช้วิธีขั้นตอนตามด้านบนที่อธิบายเอาไว้ทีละอย่างครับ

วิธีการนี้เป็นวิธีประหยัดที่สุดและไล่ตัวการได้แม่นยำที่สุด

เพราะ...

เราค่อยๆสโคปจากกว้างลงมาแคบ คือหาก่อนว่า misfire จริงๆมาจากสูบไหน จากนั้น เมื่อเราทราบ
เราก็ค่อยไล่อุปกรณ์ส่วนควบของสูบนั้นๆ ก็จะเจอครับ แต่ช่างบ้านเรา มักง่าย และขี้เกียจเพราะถือว่า
คนจ่ายเงินคือเจ้าของรถ คือมีปัญหาเปลี่ยนหัวเทียน 1000-2000 หายมั้ย? ไม่หายหรอ งั้นเดี๋ยวผมลอง
เปลี่ยนคอยล์อีก ก็ขี้เกียจเช็ค เอางี้แล้วกันพี่ รถพี่เก่าแล้วนับ1ใหม่หมด คอยล์ลูกนึงรถธรรมดาลูกละ1000-1500.-
คอยล์บางรุ่น4,000.- ea. คอยล์บางรุุ่นลูกละ 15,000.- ea สมมติว่าเจอคอยล์ลูกละ15,000.- ea ยกแผง5-8สูบ
มีเฉี่ยวแสน แล้วช่างก็จะบอกว่า คอยล์เก่าพี่เก็บไว้เป็นสำรองนะ สุดท้ายเจ้าของรับภาระ จ่ายเงินกระเป๋าฉีก
แม้จะไปถึงยอดเขาเหมือนกัน แต่คนนึงกว่าจะไปถึงหมดค่าสเบียง จนหูฉีก ในขณะที่อีกคนนึง วางแผนไว้ดีกว่า
ศึกษาเส้นทาง เข้าใจสภาวะอากาศ รู้จุดพักระหว่างทาง ถึงจุดหมายเหมือนกันแต่กลับหมดสเบียงน้อยกว่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2014, 18:34:26 โดย popdemonic »

popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 19:07:00 »
ผมไปอ่านเจอกระทู้คุณต้อมมาแล้ว คุณต้อมไม่ต้องเปลี่ยนคอยล์แล้วครับ ไม่มีประโยชน์ครับ
ถ้าดับเครื่องสตาร์ทใหม่หายไม่ใช่คอยล์ครับ ยิ่งเปลี่ยนมาแล้วด้วย ผมเคยได้สัมผัสคอยล์ของBMW
รุ่นพวกนี้อยู่ ของBremi,Beru พวกนี้ใช้ได้ครับ รถNA โหลดน้อยครับ คอยล์เดิมๆเอาอยู่สบายๆ
ลองง่ายๆครับหาMAF สลับดูครับ แต่ถ้าMAF เสียเนี่ยมันจะมีปัญหาอื่นตามมาและfault เรื่องส่วนผสม
พวก lean,rich malfunction ต้องมาครับ เรื่อง dwell time ของCoilsมีผลครับ แต่ไฉนมันเป็นที่สูบเดียว?
ถ้าให้ผมคิดๆผมว่าoutput signal สัญญาณไฟจุดระเบิด อาจมีปัญหา เพราะดับเครื่องสตาร์ทใหม่หาย
ชิพบางตัวในกล่องมันเป็นVolatile memory เอาง่ายๆคือเหมือนRam คอมพิวเตอร์ พอไม่มีไฟเลี้ยง
ฉันก็ล้างตัวเองใหม่ นับ0 ใหม่ resetตัวเองใหม่ พอเราดับสตาร์ทใหม่ มันก็ใช้งานได้เป็นปกติ
ถ้าแวคคั่มรั่ว อาการมันต้องrandom เดี๋ยวโดดไปสูบนั้นบ้าง สูบนี้บ้างเพราะ ท่อร่วมไอดีมันตัวเดียวกัน
ทำไมมันเป็นที่สูบ6 สูบเดียวตลอด

oon_resist

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1321
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 21:03:33 »
ชอบกระทู้นี้แฮะ  ;D ;D ;D

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 21:44:03 »
ได้ความรู้เพิ่ม อย่างมากเลยครับ  ::2thmb::
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17011
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 21:59:14 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ผมไปอ่านเจอกระทู้คุณต้อมมาแล้ว คุณต้อมไม่ต้องเปลี่ยนคอยล์แล้วครับ ไม่มีประโยชน์ครับ
ถ้าดับเครื่องสตาร์ทใหม่หายไม่ใช่คอยล์ครับ ยิ่งเปลี่ยนมาแล้วด้วย ผมเคยได้สัมผัสคอยล์ของBMW
รุ่นพวกนี้อยู่ ของBremi,Beru พวกนี้ใช้ได้ครับ รถNA โหลดน้อยครับ คอยล์เดิมๆเอาอยู่สบายๆ
ลองง่ายๆครับหาMAF สลับดูครับ แต่ถ้าMAF เสียเนี่ยมันจะมีปัญหาอื่นตามมาและfault เรื่องส่วนผสม
พวก lean,rich malfunction ต้องมาครับ เรื่อง dwell time ของCoilsมีผลครับ แต่ไฉนมันเป็นที่สูบเดียว?
ถ้าให้ผมคิดๆผมว่าoutput signal สัญญาณไฟจุดระเบิด อาจมีปัญหา เพราะดับเครื่องสตาร์ทใหม่หาย
ชิพบางตัวในกล่องมันเป็นVolatile memory เอาง่ายๆคือเหมือนRam คอมพิวเตอร์ พอไม่มีไฟเลี้ยง
ฉันก็ล้างตัวเองใหม่ นับ0 ใหม่ resetตัวเองใหม่ พอเราดับสตาร์ทใหม่ มันก็ใช้งานได้เป็นปกติ
ถ้าแวคคั่มรั่ว อาการมันต้องrandom เดี๋ยวโดดไปสูบนั้นบ้าง สูบนี้บ้างเพราะ ท่อร่วมไอดีมันตัวเดียวกัน
ทำไมมันเป็นที่สูบ6 สูบเดียวตลอด

ขออนุญาต จขกท ใช้พื้นที่หน่อยนะครับ  :-X

ขอบคุณมากครับ

เรื่อง หัวเทียน เคยลองสลับมาก่อนแล้วครับ ย้ายไปอีกสูบหมดทั้ง หัวฉีด หัวเทียน คอย์ลจุดระเบิด ก็ยังเป็นครับ

ส่วน แอร์แมส เคยลองของอีกคันมาสลับใส่ ก็เป็นเหมือนเดิมครับ

ecu ใบที่ใช้อยู่ เคยลองถอด เอาของอีกกล่องมาเปลี่ยน ic ของตัวคุมสูบ 6 ไปแล้วครับ (ไม่รู้ว่าทางเทคนิคเขาเรียกว่าอะไรนะครับ) ก็ยังเป็นครับ

แต่ของ ecu ของผมมีเสียจังหวะอยู่ที คือ ตอนนั้น vanos เช็คกันโดยเอาหลอดไฟจิ้มดูไฟว่ามาหรือเปล่า พอเอาสายไฟเสียบดู มีแต่ไฟหรี่ๆ ไม่เหมือนรถคันอื่นเขา ก็ลองไปเอากล่องมือสอง มาลองใส่ พอลองใส่เอาสายไฟเช็คดู ไฟมาหรี่ๆเหมือนเดิม เลยคิดกับช่างว่า คงไม่ใช่ที่กล่อง เลยคืน อ.นิพน ไป แต่รอบนี้ไม่ได้ลองซัดดู

พอตอนคืนกล่องไป เอากล่องเดิมมาใส่ เอาหลอดไฟจิ้มเช็คดูใหม่ คราวนี้ หลอดไฟที่เอาเช็คกลับสว่างโร่ติดขึ้น เสียงโซ่ตอนสตาร์ทเครื่องใหม่ๆก็กลับมีขึ้นมา เลยคิดว่า น่าจะมาจากขั้วปลั๊กสกปรก เลยข้ามเรื่องกล่องกันไปเลยครับ

เรื่อง คอย์ลokd ผมเองก็ไม่ได้อยากได้เท่าไรหรอกครับ ราคาแพงเหลือเกิน สู้ไม่ค่อยไหวเหมือนกันครับ

ส่วนตอนนี้ก็ยังสองจิต สองใจ อยู่ระหว่าง คอย์ล กับชุดสายไฟ ครับ ทั้งหมดทีทำมา มีเรื่องสายไฟนี่ละครับ ที่ยังไม่ได้ทำ พอจะมีวิธีเช็คเรื่องสายไฟไหมครับ ว่าจะเช็คอย่างไรได้ว่า ชุดสายไฟที่ใช้ไม่สมบูรณ์

ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า สายไฟ มีปัญหาอะไรไหม เพราะ รถผมเคย แบตระเบิด อยู่ครั้งนึง เมื่อสักประมาณ สามปี ที่แล้ว ระเบิดแบบกระจุยกระจายเต็มท้ายรถเลยครับ แต่ตอนนั้น พอเปลี่ยนแบตไปใหม่ ก็ใช้ได้เป็นปกติครับ









M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กันยายน 21, 2014, 22:53:10 »
คุณต้อมรถคันนี้เคยเปลี่ยนเครื่องมาก่อน?
จากที่คุณต้อมเล่ามา ข้ามเรื่องของเรื่องhardwareไปเลยครับ มันเสียยากครับ คือแบบนี้ครับ รถNA มันไม่เหมือนรถเทอร์โบเพราะแรงดันในกระบอกสูบ
มันสูงกว่า หัวเทียน คอยล์มันจะต้องทำงานหนักเพื่อจุดระเบิดภายใต้กำลังอัดและแรงดันเทอร์โบที่เพิ่มเข้าไปอีก คราวนี้จากที่ให้ข้อมูลคือได้มีการลอง
สลับฮาร์ดแวร์จากสูบอื่นมาหาสูบ#6 หมดแล้ว แต่อาการก็ยังสถิตย์อยู่ตำแหน่งเดิม คราวนี้เราต้องไล่จากปลายทางขึ้นไปหาต้นทาง(ECU)แล้วครับ
การใช้เช็คไล้ท์ตรวจ ถือว่าเป็นการตรวจสอบคร่าวๆครับ คือเช็คได้แค่ว่ามาหรือไม่มา ให้ดูใช้ดิจิตอลมัลติมิเตอร์(DMM) วัดสัญญาณค่าความต่างศักย์
ดูชัวร์กว่าครับ โดยมากพวกเซนเซอร์range มันจะ0-5Volts ลองตรวจสอบดูครับ ผมว่า น่าจะมีอะไรขาดตก หรือสายไฟมีปัญหาครับ

เรื่องแบตระเบิด ต้องให้คุณต้อมนั่งลำดับจิตดูครับว่าอาการนี้ ก่อนแบตระเบิดเป็นมั้ย? ถ้าไม่เป็นนะครับ ก็checklist ขึ้นมาเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสงสัย
ไว้ด้วยครับ แบตระเบิด น่าจะต้องมีอะไรเสียหายบ้างครับ มากหรือน้อย (แต่ๆๆๆๆพวกECU ในแต่ละinput channel มันจะมีฟิวส์ดักไว้ครับถ้า
ไม่ดวงกุดจริงๆ ฟิวส์มักจะพลีชีพแทนเพื่อนๆก่อนครับ)ผมว่าสายไฟกับกล่อง เช็คเฉพาะชุดVanos กับชุดสัญญาณจุดระเบิดสูบ6เนี่ยแหละครับ คงไม่ต้องถึงขั้นยกกระบิออกมาเสียดายรถ รถช้ำหมดครับ ช่างวายริ่งBMW ผมไม่ทราบว่าปัจจุบัน มีใครเก่งๆบ้างครับ ผมเองถ้างานละเอียดพวกนี้ โดยมาก ผมกางWiring Diagram แล้วก็ไล่เอง ด้วยเช็คไล้ท์ กับDMM เองเนี่ยแหละครับ ทำไปเรื่อยๆ

สรุปว่า จากข้อมูลที่ให้มา เราเล่นตัวฮาร์ดแวร์สลับเข้า-ออกไปมาหมดแล้ว ก็เหลือECU กับสายไฟครับ ไล่ดูเลยครับ ให้ชัวร์หลังจากเปลี่ยน
ตัว รีซิสเตอร์ ชุดสูบ6 แล้ว จริงๆ ลองให้ช่างเช็คสัญญาณออกจากกล่องเลยครับ แล้วเทียบกับสูบอื่น แล้วไปวัดปลายทางอีกที แค่นี้
เราก็จะรู้แล้วว่า ระหว่างทางขนส่ง เกิดน้ำท่วม ถนนขาด หรือไม่ คราวนี้ เคสแบบนี้มันจะใช้เวลาอยู่ จุดหนึ่งคือ อาการมันเป็นๆหายๆ
ไปถึงช่างกลับไม่เป็น แบบนี้เช็คยังไงก็ไม่เจอครับ นี่คือจุดที่มองว่ามันยากครับ ถ้าเป็นตลอดเลย ป่านนี้ผมว่าเจอไปแล้วครับ เพราะถ้า
มันเป็นตลอด ไล่เทียบสูบต่อสูบ มันชี้ชัดๆ แล้วก็ไล่สัญญาณจากต้นทาง ไล่ลงมาจนถึงปลายทางฮาร์ดแวร์ก็จบ เรื่องคอยล์OKD
อย่าเลยครับ เปลืองเงิน ไม่จำเป็นเลยครับ ถ้าของเดิมเพียงพอ พวกนี้ไร้ประโยชน์ทันที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2014, 22:55:28 โดย popdemonic »

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17011
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กันยายน 22, 2014, 07:47:41 »
ขอบคุณมากครับ

รถไม่เคยเปลี่ยนเครื่องครับ คันนี้ผมซื้อมือสองมาตอนรถอายุได้ 2 ปี ดูในเล่ม ก็ไม่มีรายการเปลี่ยนเครื่องครับ แต่ถ้าเปลี่ยนแบบไม่แจ้งเล่ม อันนี้ยังไม่เคยเช็คเลขเครื่องดูครับ

ชุด vanos ผมเปลี่ยน vanos มือสองเซียงกง ในชุดจะมี ปลั๊ก ติดมาด้วย ไปถอดกันเองกับช่างที่โกดังเลยครับ

ส่วนตอน แบตระเบิด อันนี้จำไม่ได้เหมือนกันครับ ว่าตอนนั้นทำเครื่องไปหรือยังนะครับ

แต่ตอนที่ แบต ระเบิด เท่าที่จำได้ไม่เคย misfire ครับ แล้วตอนที่ทำเครื่องใส่ แค็ม ใหม่ๆ ก็ขึ้น dyno ตลอดทุกครั้งที่ใส่อะไร  เพิ่มเติมไป และซัดเล่นได้อยู่เป็นปีครับ ก็ไม่เคยมี misfire เลยครับ

เรื่อง misfire เพิ่งจะมามีเมื่อปีที่แล้วครับ

ส่วนอาการ misfire ของผม จะเป็นตอนที่รอบสูงสุด ตอนที่เกียร์จะเปลี่ยนจากเกียร์ 3 ไปเกียร์ 4 ทุกครั้งครับ แต่จะเป็นเฉพาะตอนที่ เร่งเครื่องเต็มคันเร่งจากจอดขึ้นไป กับ ตอนเชนจ์เกียร์ลงมา (kickdown) แล้วเหยียบจมขึ้นไปหาครับ

แต่ถ้าขับแบบปกติ เปลี่ยนเกียร์ก่อนที่รอบจะฟาด 6500 จะไม่เป็นครับ ไต่ความเร็วขึ้นไปได้ที่ 180 - 200 ได้ครับ

รอบหลังสุดที่ทำเกี่ยวกับ CCV วาล์วไซโคลน ท่อระบาย ปะเก็นท่อร่วมไอดี กรองชาโคล ต่างๆไป กลับดูดีขึ้นครับ เอารถไปขึ้น dyno ที่เดิม ที่เคย misfie คา dyno ก็ไม่เป็น เอากราฟมาทาบดูก็ กราฟเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น คือ ตลอดย่านที่วัด เมื่อนำมาทาบดู อยู่ในระดับที่มากกว่าตอนที่วัดแล้ว misfire คา dyno ครับ

ส่วนตอนที่หลังจากที่เปลี่ยนชุด ccv ไป ก็ลองซัดดูแบบเดิมที่เคยเป็น คือ วิ่งช้าๆแล้ว kickdown ให้เกียร์เปลี่ยน แล้วเหยียบคันเร่งจมให้เกียร์เปลี่ยนที่รอบสูงสุดทุกเกียร์ จนวิ่งไปถึง 230 ก็ไม่มีอาการอะไรเลยครับ

รอบนี้ที่มาเป็น จะเป็นหลังจากที่ทำโปรแกรมใหม่รอบสอง แต่เครื่องตอนลงโปรแกรมใหม่ ผมว่า วิ่งดีขึ้นกว่าเดิม ตอนเหยียบรู้สึกว่าเครื่องทำงานลื่นดี ช่วง 4000 ไป 6500 ให้ความรู้สึกดีมาก ไหลลื่นดีครับ หลังจากทำมาใหม่ ก็ลองเหยียบแบบให้เกียร์เปลี่ยนที่ 6500 ดู ก็วิ่งไปที่ 200 ได้ครับ

แต่หลังจากที่เทสไป ดันมามี misfire ตอนที่ความเร็ว 140 ช่วงเกียร์เปลี่ยนเหมือนเดิม แต่รอบนี้ที่เป็น มีการขับเล่นกับคนอื่นเขา คือ ผมเหยียบเร่ง kickdown ออกจากแถวไฟแดงขึ้นมา อีกคันเขาก็ตามหลังขึ้นมา ประมาณว่าลองกำลังกัน (มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีก 3-4 คัน  :)))

ก็เหยียบจมไปทุกเกียร์ จนติดรถที่ช้ากว่า และไม่มีจังหวะแซง ต้องปล่อยให้รถที่วิ่งมาเลนขวาขึ้นไปก่อน ผมค่อยออกขวาตามมา พอตอนจังหวะที่สองนี้ kickdown ออกไป เกียร์แรกไม่เป็น พอเกียร์เปลี่ยนอีกเกียร์เป็นเลยครับ

กลับมาเช็คที่อู่ รอบนี้นอกจากจะมีโค้ด P 0306 แล้วยังมีโค้ด P0161 ตามมาอีกรายการ เป็นการแจ้งว่า o2 หลังแคท มีปัญหา  ( แต่ตอนที่ลงโปรแกรมใหม่ไป ลงเสร็จ ก็เช็คโค้ด ก็ไม่มีโค้ดตัวนี้ขึ้นมานะครับ)

ตอนนี้เลยกลับมา คิดดู กับสมาชิกในเวปอยู่ท่านว่า เมื่อรถผม มีแต่ o2 หน้าแคท หลังแคทไม่มี แต่เครื่องอ่านกลับฟ้องว่าเป็นที่ ฮีทเตอร์ o2 หลังแคท จะเป็นมาจากชุดสายไฟมีปัญหาหรือเปล่า เพราะสมาชิกท่านนี้เคยเจอกับตัวเองว่า socket ของ o2 เสีย เปลี่ยน socket โดยการต่อตรงไปก็หาย

คราวนี้เลยอยากทราบครับว่า จะเช็คว่าสายไฟ o2 กับ สายไฟ ของชุดจุดระเบิด นี่จะเช็คอย่างไรได้ครับ จะได้ลองไล่ดูกับช่างได้ครับ






M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

num2012

  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 8402
  • ทำดี คิดดี ......ทำต่อไป
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กันยายน 22, 2014, 07:54:28 »
ขอฟังด้วยคน  นะคราบ ""ชูสองนิ้ว:: ""ชูสองนิ้ว:: ""ชูสองนิ้ว::
เก่า แต่ไม่แก่นะ

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17011
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กันยายน 22, 2014, 08:29:23 »
ส่วนอันนี้เป็นกราฟ ที่เทียบกับตอนที่ misfire คาแท่นครับ





M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17011
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: กันยายน 22, 2014, 08:30:39 »
ส่วนอันเป็นที่เครื่องอ่าน อ่านมาครับ



M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: กันยายน 22, 2014, 10:02:30 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอบคุณมากครับ

รถไม่เคยเปลี่ยนเครื่องครับ คันนี้ผมซื้อมือสองมาตอนรถอายุได้ 2 ปี ดูในเล่ม ก็ไม่มีรายการเปลี่ยนเครื่องครับ แต่ถ้าเปลี่ยนแบบไม่แจ้งเล่ม อันนี้ยังไม่เคยเช็คเลขเครื่องดูครับ

ชุด vanos ผมเปลี่ยน vanos มือสองเซียงกง ในชุดจะมี ปลั๊ก ติดมาด้วย ไปถอดกันเองกับช่างที่โกดังเลยครับ

ส่วนตอน แบตระเบิด อันนี้จำไม่ได้เหมือนกันครับ ว่าตอนนั้นทำเครื่องไปหรือยังนะครับ

แต่ตอนที่ แบต ระเบิด เท่าที่จำได้ไม่เคย misfire ครับ แล้วตอนที่ทำเครื่องใส่ แค็ม ใหม่ๆ ก็ขึ้น dyno ตลอดทุกครั้งที่ใส่อะไร  เพิ่มเติมไป และซัดเล่นได้อยู่เป็นปีครับ ก็ไม่เคยมี misfire เลยครับ

เรื่อง misfire เพิ่งจะมามีเมื่อปีที่แล้วครับ

ส่วนอาการ misfire ของผม จะเป็นตอนที่รอบสูงสุด ตอนที่เกียร์จะเปลี่ยนจากเกียร์ 3 ไปเกียร์ 4 ทุกครั้งครับ แต่จะเป็นเฉพาะตอนที่ เร่งเครื่องเต็มคันเร่งจากจอดขึ้นไป กับ ตอนเชนจ์เกียร์ลงมา (kickdown) แล้วเหยียบจมขึ้นไปหาครับ

แต่ถ้าขับแบบปกติ เปลี่ยนเกียร์ก่อนที่รอบจะฟาด 6500 จะไม่เป็นครับ ไต่ความเร็วขึ้นไปได้ที่ 180 - 200 ได้ครับ

รอบหลังสุดที่ทำเกี่ยวกับ CCV วาล์วไซโคลน ท่อระบาย ปะเก็นท่อร่วมไอดี กรองชาโคล ต่างๆไป กลับดูดีขึ้นครับ เอารถไปขึ้น dyno ที่เดิม ที่เคย misfie คา dyno ก็ไม่เป็น เอากราฟมาทาบดูก็ กราฟเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น คือ ตลอดย่านที่วัด เมื่อนำมาทาบดู อยู่ในระดับที่มากกว่าตอนที่วัดแล้ว misfire คา dyno ครับ

ส่วนตอนที่หลังจากที่เปลี่ยนชุด ccv ไป ก็ลองซัดดูแบบเดิมที่เคยเป็น คือ วิ่งช้าๆแล้ว kickdown ให้เกียร์เปลี่ยน แล้วเหยียบคันเร่งจมให้เกียร์เปลี่ยนที่รอบสูงสุดทุกเกียร์ จนวิ่งไปถึง 230 ก็ไม่มีอาการอะไรเลยครับ

รอบนี้ที่มาเป็น จะเป็นหลังจากที่ทำโปรแกรมใหม่รอบสอง แต่เครื่องตอนลงโปรแกรมใหม่ ผมว่า วิ่งดีขึ้นกว่าเดิม ตอนเหยียบรู้สึกว่าเครื่องทำงานลื่นดี ช่วง 4000 ไป 6500 ให้ความรู้สึกดีมาก ไหลลื่นดีครับ หลังจากทำมาใหม่ ก็ลองเหยียบแบบให้เกียร์เปลี่ยนที่ 6500 ดู ก็วิ่งไปที่ 200 ได้ครับ

แต่หลังจากที่เทสไป ดันมามี misfire ตอนที่ความเร็ว 140 ช่วงเกียร์เปลี่ยนเหมือนเดิม แต่รอบนี้ที่เป็น มีการขับเล่นกับคนอื่นเขา คือ ผมเหยียบเร่ง kickdown ออกจากแถวไฟแดงขึ้นมา อีกคันเขาก็ตามหลังขึ้นมา ประมาณว่าลองกำลังกัน (มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีก 3-4 คัน  :)))

ก็เหยียบจมไปทุกเกียร์ จนติดรถที่ช้ากว่า และไม่มีจังหวะแซง ต้องปล่อยให้รถที่วิ่งมาเลนขวาขึ้นไปก่อน ผมค่อยออกขวาตามมา พอตอนจังหวะที่สองนี้ kickdown ออกไป เกียร์แรกไม่เป็น พอเกียร์เปลี่ยนอีกเกียร์เป็นเลยครับ

กลับมาเช็คที่อู่ รอบนี้นอกจากจะมีโค้ด P 0306 แล้วยังมีโค้ด P0161 ตามมาอีกรายการ เป็นการแจ้งว่า o2 หลังแคท มีปัญหา  ( แต่ตอนที่ลงโปรแกรมใหม่ไป ลงเสร็จ ก็เช็คโค้ด ก็ไม่มีโค้ดตัวนี้ขึ้นมานะครับ)

ตอนนี้เลยกลับมา คิดดู กับสมาชิกในเวปอยู่ท่านว่า เมื่อรถผม มีแต่ o2 หน้าแคท หลังแคทไม่มี แต่เครื่องอ่านกลับฟ้องว่าเป็นที่ ฮีทเตอร์ o2 หลังแคท จะเป็นมาจากชุดสายไฟมีปัญหาหรือเปล่า เพราะสมาชิกท่านนี้เคยเจอกับตัวเองว่า socket ของ o2 เสีย เปลี่ยน socket โดยการต่อตรงไปก็หาย

คราวนี้เลยอยากทราบครับว่า จะเช็คว่าสายไฟ o2 กับ สายไฟ ของชุดจุดระเบิด นี่จะเช็คอย่างไรได้ครับ จะได้ลองไล่ดูกับช่างได้ครับ

พวกประเก็นท่อร่วม ,CCV ผมว่าไม่น่าเกี่ยวกับอาการดังกล่าว เว้นเสียแต่มันเต็ม หรือวาล์วตันเพราะหน้าที่ของมันแค่ระบาย Blow by จากปากแหวน,
จาก ไกด์วาล์วแล้ววนกลับเข้าเครื่องยนต์ใหม่ทางไอดีเท่านั้นเอง ส่วนอาการmisfire ผมว่า มันหลบในมากกว่าครับ มันไม่ได้หายไปไหนเลยครับ
มันยังอยู่มาตลอด เพียงแต่เป็นๆหายๆมากกว่าครับ เรื่องO2 ต้องใช้ช่างเช็คเลยครับ มีBlank 1 ,2  ที่ผมสงสัยคือ ไฉน ทำไมเครื่องเช็คจึงเช็คไม่ได้ว่า รถมันมีO2 กี่ตัว เรื่องสายไฟO2 ถ้าลองเช็คoutput test แล่้วค่าO2 มันวิ่งไปวิ่งมา ผมว่าไม่น่ามีปัญหาครับ ช่างที่ตรวจเค้าก็จะตามทำตามแบบที่
ผมบอกเนี่ยแหละครับ ถ้ามันทำงาน ก็คือมันทำงานครับ แต่เรื่องBlank 1,2 O2 sensorหน้าแคท หลังแคทคุณต้อมต้องไปตรวจสอบครับ ถ้ารถจริงมี
O2 1ตัว ระบบบอกมี2ตัวแถมบอกตำแหน่งไม่ถูกต้อง ถ้าตามระบบการทำงานของO2 ตัวหน้า กับตัวหลัง วัดค่าออกมาค่าไม่เหมือนกันอยู่แล้วครับ


popdemonic

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 133
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กันยายน 22, 2014, 10:04:53 »


จากรูปถ้าO2 ไม่เสีย ค่า 0.4 ต้องวิ่งไปวิ่งมาครับ เวลาเร่งถอน เบิ้ลเครื่อง เลขตัวนี้ห้ามแข็งๆที่0.4 ค่าความต่างศํกย์จะต้องแล่นขึ้นลงครับ

tong46

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 28
Re: ร้านแต่งรถแท้ๆ แต่ดันไม่รู้จักกรองอากาศK&N -_-''
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กันยายน 22, 2014, 10:31:02 »
สุดยอดจิงๆสงสันต้องเข้า กทม ไปเช็คบ้างและ