ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น สังสัยต้องขายทิ้งหรือวางjเสียแล้ว
หัวอกเดียวกันคับบ. แต่ผมยังม่ายทำ ตอนนี้กำลังรอผุ้มีพระคุน มาชี้แนะว่า ควรจะทำอะไร ทำที่ไหน. เพาะอย่างน้อย เพื่ิอนๆพี่ๆในคลับนี้. ย่อมเปนผุ้ที่มีประสบการณ์เรื่อง e46 มาแร้วทั้งนั้น. จิงไหมคับ. คุนหนุ่ม. อิอิ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น สังสัยต้องขายทิ้งหรือวางjเสียแล้ว วาง เจไม่ใช่แนวทางบีเอ็มแล้วครับ คุณจะขาดระบบภายในของบีเอ็มไปเลย เพราะมันลิ่งระบบกันไม่ได้ เท่ากับวางเจ ก็จะมีแต่เครื่องกับรถ ขาดระบบต่างๆๆของบีเอ็ม ต้องเจาะแปลงชุดแป้นเกียร์ แต่งเชื่อมสายไปเรือนใมล์ใหม่ ระบบไฟฟ้าภายในเสียหายหมด ไม่แนะนำ จะวางเจ ก็อย่ามาเล่นบีเอ็มเลยครับ ซื้อรถเก่าๆๆมาแล้ววางเจมันกว่าเยอะ(ผมเล่นมาแล้ว) ไม่แนะนำจริงๆๆหยุดความคิดซะนะครับได้ไม่คุมเสีย(เสียรถ)
กำ.....เพิ่งได้ E46 N42 ตายก 2003 มาได้ 2 เดือนเอง วิ่ง 95000 อย่าเพิ่งเป็นไรนะ....สาธุ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินกำ.....เพิ่งได้ E46 N42 ตายก 2003 มาได้ 2 เดือนเอง วิ่ง 95000 อย่าเพิ่งเป็นไรนะ....สาธุอย่ากลัวครับ n42 ครบแสนโลเมื่อใหร่ก็ จัดการทั้งระะบซะอย่ารอ ทำเลยแล้วคุฯจะใช้ได้อีกยาวครับ
ของผมยิ่ง 318 N42ครับ ได้มา2วันแรก หมดไป38000บาทครับ ทำใจไว้แล้วว่าซื้อมาซ่อม แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนั้นแต่มาคิดอีกที ยังไงรถคันไหนก็ต้องซ่อม มันอยู่ที่เจ้าของรถด้วย ไม่ใช่ที่รถอย่างเดียวอาการที่ช่างว่ามา รุ่นไหนก็เป็น ถ้าคุณรักรถ ก็ทำใจเถอะว่าต้องซ่อมซ่อมให้ถึงครับ เชื่อผม แล้วมันจะไม่จุกจิกอย่างที่คิดผมล่ะ คนหนึ่งที่ยังนึกเสียใจว่า ซื้อN42มาทำไม แต่พอได้มา ไม่เห็นมันเลวร้ายอย่างที่คิดตอนนี้ วิ่งได้7000โลแล้ว ตั้งแต่ซื้อรถมา หลักไมล์อยู่ที่ 145000 kmน้ำไม่หาย น้ำมันเครื่องไม่พร่อง ตู้แอร์ไม่รั่ว กระจกไม่ตกราง ออยล์เกียร์ไม่แตกวิ่งเฉลี่ยได้ 10.2-11.2 km/L ทางไกลหรือในเมืองวิ่งแบบที่ECO CARเค้าทำกัน(ออกตัวช้าๆ วิ่งนิ่มๆ ) ก็ยังได้เฉลี่ย 9km/Lถ้าวิ่งเอามันส์ ในเมือง นอกเมือง ก็ 8Km/L อยู่ดี ผมถือว่า ประหยัดสำหรับผม เมื่อเทียบกับCefiro A32ที่เคยใช้รถท่านอื่นเป็นยังไง ผมไม่ทราบ แต่ของผม เท่านี้ก็พอใจแล้วครับอย่าลืมว่ามันคือรถมือสอง แถมเก่าแล้ว ของผมยัง11ปีเลย น่าแปลกใจมาก เพราะล่าสุดขับกลับลงมาอุบลลองทำความเร็วดู ได้200KM/L ด้วย (GPS) ไมล์อยู่ที่ (199) ผมถ่ายรูปไว้ด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวมีคนหาว่าโม้ชาตินี้ คงไม่ขับเร็วขนาดนั้นอีกแล้ว เลยถ่ายไว้เป็นที่ระลึก (แฟนรู้ ด่ายับแน่) ตามสเป็กในคู่มือบอกรุ่นนี้ ทำได้ 214รถเก่าขนาดนี้ ทำความเร็วได้ขนาดนี้ ก็บุญหัวแล้ว ความจริงมันยังไหลต่อได้อีก แต่มีมอไซค์บ้านนอกมันขี่ย้อนศรกลางถนนมา เลยต้องเบรคเพราะฉะนั้น อย่าไปโทษรถโทษเครื่องอย่างเดียวเลยเลย คนก็มีส่วนไม่ต่างกัน ขับอย่างเดียว ยังไงก็พัง ไม่บำรุงยังไงก็พังเจ้าของกระทู้ รถเป็นเครื่องN46ซึ่ง แก้บัคของN42มาแล้ว ม้าก็เยอะกว่าด้วย ยิ่งไม่น่าห่วง ซ่อมให้จบ รับรองขับดีครับ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินของผมยิ่ง 318 N42ครับ ได้มา2วันแรก หมดไป38000บาทครับ ทำใจไว้แล้วว่าซื้อมาซ่อม แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนั้นแต่มาคิดอีกที ยังไงรถคันไหนก็ต้องซ่อม มันอยู่ที่เจ้าของรถด้วย ไม่ใช่ที่รถอย่างเดียวอาการที่ช่างว่ามา รุ่นไหนก็เป็น ถ้าคุณรักรถ ก็ทำใจเถอะว่าต้องซ่อมซ่อมให้ถึงครับ เชื่อผม แล้วมันจะไม่จุกจิกอย่างที่คิดผมล่ะ คนหนึ่งที่ยังนึกเสียใจว่า ซื้อN42มาทำไม แต่พอได้มา ไม่เห็นมันเลวร้ายอย่างที่คิดตอนนี้ วิ่งได้7000โลแล้ว ตั้งแต่ซื้อรถมา หลักไมล์อยู่ที่ 145000 kmน้ำไม่หาย น้ำมันเครื่องไม่พร่อง ตู้แอร์ไม่รั่ว กระจกไม่ตกราง ออยล์เกียร์ไม่แตกวิ่งเฉลี่ยได้ 10.2-11.2 km/L ทางไกลหรือในเมืองวิ่งแบบที่ECO CARเค้าทำกัน(ออกตัวช้าๆ วิ่งนิ่มๆ ) ก็ยังได้เฉลี่ย 9km/Lถ้าวิ่งเอามันส์ ในเมือง นอกเมือง ก็ 8Km/L อยู่ดี ผมถือว่า ประหยัดสำหรับผม เมื่อเทียบกับCefiro A32ที่เคยใช้รถท่านอื่นเป็นยังไง ผมไม่ทราบ แต่ของผม เท่านี้ก็พอใจแล้วครับอย่าลืมว่ามันคือรถมือสอง แถมเก่าแล้ว ของผมยัง11ปีเลย น่าแปลกใจมาก เพราะล่าสุดขับกลับลงมาอุบลลองทำความเร็วดู ได้200KM/L ด้วย (GPS) ไมล์อยู่ที่ (199) ผมถ่ายรูปไว้ด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวมีคนหาว่าโม้ชาตินี้ คงไม่ขับเร็วขนาดนั้นอีกแล้ว เลยถ่ายไว้เป็นที่ระลึก (แฟนรู้ ด่ายับแน่) ตามสเป็กในคู่มือบอกรุ่นนี้ ทำได้ 214รถเก่าขนาดนี้ ทำความเร็วได้ขนาดนี้ ก็บุญหัวแล้ว ความจริงมันยังไหลต่อได้อีก แต่มีมอไซค์บ้านนอกมันขี่ย้อนศรกลางถนนมา เลยต้องเบรคเพราะฉะนั้น อย่าไปโทษรถโทษเครื่องอย่างเดียวเลยเลย คนก็มีส่วนไม่ต่างกัน ขับอย่างเดียว ยังไงก็พัง ไม่บำรุงยังไงก็พังเจ้าของกระทู้ รถเป็นเครื่องN46ซึ่ง แก้บัคของN42มาแล้ว ม้าก็เยอะกว่าด้วย ยิ่งไม่น่าห่วง ซ่อมให้จบ รับรองขับดีครับก็ดือเองเน้อครับ อิอิอ เข้ามาศึกษาตั้งนานใครๆๆก้เชียร์6สูบ แต่พอไปเอารถดันไปเอา 4สูบ (ไม่ต้องบ่นเลย)อิอิอิ
จอดนาน ไม่เกี่ยวกับคอยล์จุดระเบิดครับ...หัวเทียนบอดอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่ที่คอยล์จุดระเบิดแน่นอนครับแค่คอยล์ สี่ตัวก็ลดค่าซ่อมงวดนี้ลงไปกว่า 5,000-8,000 บาทแล้วครับแล้วแต่ว่าทางอู่คิดราคาคุณมาเท่าไหร่...น้ำมันเครื่องไม่ได้โดนความร้อนเครื่องยนต์ ยิ่งเป็นสังเคราะห์100% ยิ่งไม่น่าหมดสภาพใหญ่เลยครับถ้ากรองก็อาจจะตันได้เพราะไม่ได้สตาร์ทเป็นเวลานาน แต่น้ำมันเครื่องไม่หมดสภาพแน่นอนครับไม่อย่างนั้นน้ำมันเครื่องที่อยู่ในกระป๋องที่ผลิตแล้ว ไม่ได้ใช้งานสัก1 ปี ไม่เน่าหมดเลยหรือครับ??จริงๆ ถ่ายน้ำมันเครื่องเดิมออกเก็บเอาไว้ แล้วเอาน้ำมัน flushing ล้างทำความสะอาดเครื่องก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนกรองใหม่ เติมน้ำมันเครื่องเดิมที่รองเอาไว้ก็โอเคแล้วครับ ประหยัดไปอีกร่วม 2,000-3,000 บาทคอมแอร์ก็เหมือนกันครับ ทิ้งเอาไว้ไม่ได้ใช้นานๆ จะไปเสียได้ยังไงครับ อย่างดีก็ทำการเปลี่ยนน้ำยาแอร์ทั้งเเว๊คคั่มระบบพร้อมเติมน้ำยาแอร์ใหม่ให้เต็มระบบ ดรายเออร์ ราคาก็ไม่แพงครับน้ำมันเกียร์เต็มระบบก็ไม่น่าจะเกิน3,500บาท กรองเกียร์ก็ตัวละไม่กี่ร้อยบาทครับิรถผมวิ่งมาจะ 160,000 กม.แล้วครับ เครือง N46 ควันไม่เคยขาว ไม่เคยกินน้ำมันเครื่อง แหวนลูกสูบไม่เคยตายวาล์วน้ำยังดีอยู่ เปลียนแต่ท่อน้ำต่างๆ และกำลังจะเปลี่ยนหม้อน้ำครับค่อยๆศึกษาดูให้ดีครับ... แล้วจะเข้าใจว่าสมรรถนะมันมากกว่าข้อเสียเยอะครับ..
แนะนำให้ขายทิ้งครับ ดูคุณไม่ได้ชอบรถรุ่นนี้เท่าไร