ผู้เขียน หัวข้อ: สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ  (อ่าน 3685 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tanaychet

  • บุคคลทั่วไป
สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ
« เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 09:53:15 »
เครื่อง n42 เทียบกับ m44 ใน e36  ตัวไหนวิ่งดีกว่าครับ สเป็คเป็นไงครับ

jae

  • บุคคลทั่วไป
Re: สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 10:14:27 »
N42 B20 16วาล์ว เครื่องเบากว่า บางกว่า วิ่งดีกว่าครับ แรงบิดสูงสุด 200N.m, แรงม้า 141 ตัว ประหยัดน้ำมันกว่าM44

M44 180N.m 138Hp มันพื้นฐานเครื่อง 8 วาล์วสมัย E30 คือ พัฒนาจาก M40 แล้วเขาต่อยอดด้วยการปรับปรุงทางเดินน้ำ น้ำมันเครื่อง ใหม่ให้ใส่กับฝา 16 วาล์ว แรงม้ามากกว่า M43TU แรงบิดสูงสุดเท่ากันแต่ M43TU 8 วาล์วแรงบิดสูงสุดมาที่รอบเร็วกว่า ถ้าเทียบกับ N42 เรื่องความแรงคงเทียบไม่ได้ M44 เขาทำมาให้ผ่าน มาตรฐานไอเสียปี 1996 โดยเอา M42 มาแก้ แต่มันไม่รอด เครื่องมีปัญหาเยอะ BMW เลยยกเลิกโครงการ 16วาล์วบน M40 แล้วทำ 8วาล์ว M43TU ออกมาแทน  สุดท้ายไปพัฒนา 16วาล์วเครื่องใหม่ที่เรียกว่า N42 นั่นแหละครับ

ถ้ามองตาม Timeline ของรุ่นตามลำดับปี
- M40
- M43 & M42 สองตัวนี้เกิดพร้อม ๆ กัน
- M44 ต่อจาก M42
- M43TU ต่อจาก M43 เปลี่ยนการควบคุมหัวฉีด และ อากาศใหม่ มี MAF แทน AFM , ใช้ มอเตอร์รอบเดินเบาแบบminiature slit type แทนตัวทรงกระบอกใหญ่ ๆ ที่อยู่ใต้ท่อร่วม มาแปะไว้ที่ก่อนลิ้นปีกผีเสื้อแทน
- N42


M44 N42 ประวัติไม่ดีพอ ๆ กัน เครื่องสองรุ่นนี้เหมือนกันคือ ใช้ทีมพัฒนากลุ่มเดียวกัน N42 มีทางทำให้สมบูรณ์ได้ไม่ยากครับ แก้ไขส่วนที่เขาrecall, discontinued part เปลี่ยนอะไหล่รุ่นใหม่ที่แ้ก้ปัญหาแล้วใส่ไปก็จบครับ แต่ M44 เป็นDead end ไม่มีทางแก้ครับ tappet 2 ชั้นสำหรับตั้งระยะห่างวาล์วอัตโนมัติไม่มีทางแก้ ใช้ไม่ทนเหมือนรุ่นพี่เขา แสนโลก็หมดระยะตั้งแล้ว

คุยกันยาวเลยกับ M44 ไปหาอ่านเอาครับ มันนอกเรื่อง E46 เยอะไป


tanaychet

  • บุคคลทั่วไป
Re: สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 12:05:40 »
ขอบคุณครับ

superking

  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 1085
Re: สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 13:35:09 »
ได้ความรู้เลย  :-X :-X

Chetcck

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 291
Re: สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 18:48:11 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
N42 B20 16วาล์ว เครื่องเบากว่า บางกว่า วิ่งดีกว่าครับ แรงบิดสูงสุด 200N.m, แรงม้า 141 ตัว ประหยัดน้ำมันกว่าM44

M44 180N.m 138Hp มันพื้นฐานเครื่อง 8 วาล์วสมัย E30 คือ พัฒนาจาก M40 แล้วเขาต่อยอดด้วยการปรับปรุงทางเดินน้ำ น้ำมันเครื่อง ใหม่ให้ใส่กับฝา 16 วาล์ว แรงม้ามากกว่า M43TU แรงบิดสูงสุดเท่ากันแต่ M43TU 8 วาล์วแรงบิดสูงสุดมาที่รอบเร็วกว่า ถ้าเทียบกับ N42 เรื่องความแรงคงเทียบไม่ได้ M44 เขาทำมาให้ผ่าน มาตรฐานไอเสียปี 1996 โดยเอา M42 มาแก้ แต่มันไม่รอด เครื่องมีปัญหาเยอะ BMW เลยยกเลิกโครงการ 16วาล์วบน M40 แล้วทำ 8วาล์ว M43TU ออกมาแทน  สุดท้ายไปพัฒนา 16วาล์วเครื่องใหม่ที่เรียกว่า N42 นั่นแหละครับ

ถ้ามองตาม Timeline ของรุ่นตามลำดับปี
- M40
- M43 & M42 สองตัวนี้เกิดพร้อม ๆ กัน
- M44 ต่อจาก M42
- M43TU ต่อจาก M43 เปลี่ยนการควบคุมหัวฉีด และ อากาศใหม่ มี MAF แทน AFM , ใช้ มอเตอร์รอบเดินเบาแบบminiature slit type แทนตัวทรงกระบอกใหญ่ ๆ ที่อยู่ใต้ท่อร่วม มาแปะไว้ที่ก่อนลิ้นปีกผีเสื้อแทน
- N42


M44 N42 ประวัติไม่ดีพอ ๆ กัน เครื่องสองรุ่นนี้เหมือนกันคือ ใช้ทีมพัฒนากลุ่มเดียวกัน N42 มีทางทำให้สมบูรณ์ได้ไม่ยากครับ แก้ไขส่วนที่เขาrecall, discontinued part เปลี่ยนอะไหล่รุ่นใหม่ที่แ้ก้ปัญหาแล้วใส่ไปก็จบครับ แต่ M44 เป็นDead end ไม่มีทางแก้ครับ tappet 2 ชั้นสำหรับตั้งระยะห่างวาล์วอัตโนมัติไม่มีทางแก้ ใช้ไม่ทนเหมือนรุ่นพี่เขา แสนโลก็หมดระยะตั้งแล้ว

คุยกันยาวเลยกับ M44 ไปหาอ่านเอาครับ มันนอกเรื่อง E46 เยอะไป


;) ;) ;)
ขายรถบรรทุกขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ISUZU 4-12 ล้อ
รับปรึกษาการต่อตัวถังรถบรรทุกทุกชนิด และ ให้คำปรึกษา
ด้านการจัดไฟแนนซ์รถบรรทุกขนาดใหญ่
E-Mail:[email protected]
มือถือ : 08-1969-7168

crayonz

  • ขาประจำ
  • ****
  • กระทู้: 428
Re: สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2013, 22:26:10 »
ขออนุญาิติเอาที่เคยเขึียนมาแปะ

M42 and M44

ผมเลยนึกได้ว่า มีบทความหลาย ๆ ตัวที่เคยอ่าน ทั้งที่มีเก็บไว้เป็นต้นฉบับบ และ เก็บไว้ในความทรงจำ จึงขอหยิบมาเล่าให้เพื่อน ๆ ที่สนใจ ได้รับรู้กัน ผิดถูกประการใดต้องขอผู้เชี่ยวชาญ แก้ไขด้วยละกันครับ

เกริ่นนิดนึง ก่อนเป็น M42/M44

เครื่องรหัสM ของ BMW นั้นมีหลัก ๆ สองแบบครับ คือ 4 และ 6 สูบ แถวเรียง เริ่มใช้กันมาตั้งแต่สมัย 1960 โดย M นั้น คาดว่า ย่อมาจาก MOSKVITCH ยี่้ห้อรถในรัสเซีย โดยมีอยู่รุ่นหนึ่งที่ BMW เอามาพัฒนาต่อ โดย เครื่อง M ตัวแรกที่โผล่ขายในบริษัท คือ M10 และก็ออกลูกออกหลานมากมาย และ สองตัวในนั้นคือ M42/M44 ที่ผมจะกล่าวถึงครับ

M42/M44 นั้น พื้นฐานก็มาจาก M40 ใน E30 ตัวแรก ๆ ทั้งคู่เป็นเรื่อง DOHC 16V ที่มีความจุ 1796/1896cc โดย M42 จะมีแรงม้า สองเวอร์ชั่น 136 140 และ M44 มี 138 แรงม้า ซึ่งน่าแปลกที่เครื่อง M44 ที่เกิดทีหลังดันมีแรงม้าน้อยกว่า

M42 นั้นเปิดตัวครั้งแรกกับรถ BMW 3 Series E36 โดยประจำอยู่ใน 318i รหัสเต็ม ๆ คือ M42B18 (M40 ที่ลากข้ามรุ่นมาตั้งแต่ E30 และได้มีการปรับเปลี่ยนสายพาน เป็น โซ่ราวลิ้น เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ออกไป โดยไม่้ต้องมารื้อชุดพัดลมหน้าเครื่อง และฝาครอบด้านหน้า ซึ่งลดปัญหาการรั่วซึมของน้ำมันเครื่องจากการประกอบกลับที่ไม่ดีไปได้ และ เครื่องตัวนี้ก็ได้รับการเปลี่ยนจาก OHC มาเป็น DOHC พร้อมกันนี้ก็มีการเปลี่ยนชุด Hydrauric Tappet (ชุดตั้งระยะห่างวาวล์ว) ใหม่ เป็นแบบ ซ่อมไม่ได้ คือเปลี่ยนทั้งตัว มี 16 ตัวด้วยกัน (ขออธิบายละเอียดในภายภาคหน้าเรื่อง Tappetsหรือ Valve Lifter )

ด้านการจ่ายน้ำมัน M42 ใช้เป็น ชุดหัวจุดระเบิด (Direct ignition) EFI โดย BOSCH เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และ การประหยัดมากขึ้น พร้อมกับกำลังอัดเป็น 1:10 (M40 1:9.6)

นอกจากนี้มีการใช้ วัสดุทำเครื่องยนต์ใหม่ เพื่อลดน้ำหนักรวมทั้งหมด โดยเลือกเอา Alusil มาทำเครื่องยนต์์ และเป็นเหตุผลให้ใช้น้ำมันเครื่องบางยี่ห้อเท่านั้นที่จะปกป้องเจ้าเสื้อสูบตัวนี้ได้อย่างเหมาะสมในสมัยนั้น


ปัญหาหลัก M42

ในยุคที่BMW พัฒนาเครื่อง M42 นั้นเริ่มมีการประท้วงให้บริษัทรถยนต์ เลิกใช้วัสดุที่มี Asbestos (ใยหิน)เป็นส่วนประกอบเคร่งครัดขึ้น ซึ่งบริษัทBMW ต้องเลือกใช้ประเก็นต่าง ๆ เช่น ฝาสูบ ฐานกรอง หน้าเครื่อง เป็นแบบที่บริษัทเองก็ไม่เคยลองมาก่อน ผลก็คือประเก็นเหล่านั้น รั่ว ก่อนวัยอันควร (เฉพาะปีก่อน 1993) ลูกค้าบ่นมากมาย ปัญหานี้เอง ได้ถูกแก้ไขในเครื่องรุ่นต่อไปคือ M42 ตัวหลังปี 93 , M43(อันนี้มีติดมาบ้างเพราะทำขนานกันไป), M44 และ M43TU เพิ่ม M42B18 ที่มาก็คือ M42 รหัสเครื่อง B = Benzine และ 18 คือ 1.8 ลิตรนั่นเอง

วัสดุทำเครื่องยนต์ ผมก้าวข้ามไปนิด จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ ALUSIL ทั้งหมด แต่เป็น Pearlitic gray cast iron สำหรับตัวเสื้อสูบ ALUSIL อยู่ในเครื่องเฉพาะ ส่วนของ ฝาสูบ และ มีมากขึ้นสำหรับตัวลูกสูบในเครื่องรุ่นต่อไปแต่ไม่ใช่รุ่นนี้ ดังนั้นการ Maintenance ส่วนของเครื่องท่อนบน ต้องทำกันอย่างระวังมาก ๆ เช่นการถอดวาล์ว เปลี่ยนประเก็น หรืออะไรก็ตามที่ต้องไปแตะกับ ฝาสูบ หากพลาดไปทำร้ายส่วนสำคัญเพียงนิด ปัญหาที่เกิดขึ้นนานเกินคาดเดา (จริง ๆ ก็เดาได้ครับ ว่า พัง แหง ๆ )

ตัวบล๊อกเครื่องเอง จะว่าไปก็ไม่ใช่ว่าจะเอา M40 มาทั้งชุด แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น ชุดเสื้อสูบแบบหลุมสูบแฝด คือ ห้องสูบติดกันนั่นเอง (ลดความยาวเครื่องลง) และเป็นเครื่องรถยนต์รุ่นแรก ๆ ทีมีการสร้างชุดฉีดน้ำมันหล่อลื่นเป็นฝอยฝังไว้ในเสื้อสูบเลย สำหรับระบายความร้อนให้ลูกสูบด้วย (อันนี้รถญี่ปุ่น และ ยุโรปหลาย ๆ รุ่นหลัง ๆ เอาไปใช้หมด )

ชุดวาล์วของ M42 นั้น ในตัววาล์วไอเสียมีการใช้วัสดุที่เรียกว่า Sodium หรือเรียกว่า Sodium filled valve เป็นการลดความร้อนและยืดอายุของวาล์วอีกด้วย สุดยอดเทคโนโลยีปี 1989 กับรถตลาด ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะการใช้Sodium filled สำหรับรถยี่ห้ออื่น ๆ นั้น จริง ๆ จัง เมื่อปี 200x นี่เอง ล่าสุด Nissan Juke ก็เอา เทคโนโลยีSodium filled มาใช้ในตัวแรงนั้นด้วย (อันนี้ผมเห็นในโฆษณาเปิดตัวของJuke หรือ Presentation ซักแห่ง ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย ฝากเพื่อน ๆ ตรวจสอบอีกครั้ง )
M42 นั้น มีการนำไปพัฒนาเป็นเครื่องรถแข่งด้วย เรียกว่า S42 (M คือเครื่องที่พัฒนาด้วย BMW เพื่อการขาย และ S พัฒนาเพื่อการแข่ง จะทำด้วยใครก็แล้วแ่ต่) โดยบล๊อกเครื่องเดียวกัน แต่รีดแรงม้าได้ถึง 315 แรงม้า ด้วยการเพิ่มขนาดสูบเป็น 2000cc และแน่นอนกำลังอัดเป็น 12:1 ใช้ระบบป้อนน้ำมันหล่อลื่น Dry Sump
ฝาวาล์ว และ ฝาครอบกล่องอากาศเป็นแบบ คาร์บอนไฟเบอร์

และที่ทำให้แรงม้าเพื่อมากมาย คือการจ่ายน้ำมันด้วยชุดจ่ายน้ำมัน 8 ตัว เพราะ 4 ตัวเดิม ๆ คงให้น้ำมันไม่พอ พร้อมกับการเพิ่ม ลิ้นปีกผีเสื้อ ให้แต่ละสูบแยกจากกันอีกด้วย (คิดได้งัยเนี่ย มีลิ้นปีกผีเสื้อ 4 อัน)

S42 นี่เองคือแนวทางการแต่งและโมเครื่องของ M42 ที่หลาย ๆ คนคิดว่ามันคงมีม้าไปมากกว่านี้ไม่ได้ โดยไม่ใช้ TURBO (ทำไมไม่ใช้หว่า ? จะได้แรงกว่านี้ีอีกเยอะ)

สรุปอายุการใช้งานของ M42 ได้ โดยสังเขปดังนี้

1989 - 1991 ใช้กับ E30 จุด กำเนิด ของ BMW M42 สี่สูบแถวเรียง 16V
1992 - 1996 ใช้กับ E36 ต่อเนื่องกันมาจาก E30 แต่มีการแ้ก้ไขปัญหาวัสดุจำพวกประเก็นที่กล่าวไว้ข้างต้นจริง ๆ เมื่อ ปี 1993 และ ยังมีการใช้พลาสติกในส่วนต่าง ๆ ของเครื่องมากขึ้นด้วย


จบในส่วน ของ M42 เดี๋ยวมาต่อ M44 ครับ ขออภัยช้าหน่อย เขียนสด
ทบทวนดูแล้ว นึกได้ว่า

M42 มีสองเวอร์ชั่น (เขียนเองลืมเอง ) คือ 136แรงม้า คือตัวที่กล่าวมา และ 140 ที่ถูกลืม(ผมลืม คนอื่นอาจจะไม่ลืม)

การเปลี่ยนแปลงของเครื่อง เริ่มต้นเมื่อปี 1994 รวมในส่วนของวัสดุประเก็นแล้ว ดังรายการต่อไปนี้

1. สิ่งแรกที่มองเห็นเลย คือ ชุดจ่ายไฟให้กับ หัวเทียน หรือ คอยล์หัวเทียนแบบชิ้นเีดียว ที่เป็นสีดำ ๆ ก้อนเหลี่ยม ๆ นั่นเอง จากเดิมที่เป็นแบบตัวแยก เปลี่ยนมาเป็นตัวร่วมสี่เหลี่ยมผืนผ้า และถูกนำไปใช้ต่อในรุ่นอื่น ๆ ด้วย คนที่ใช้ M43 คงนึกภาพตัวใหม่นี้ออกว่าอยู่ใกล้ๆ ซุ้มโช๊คด้านหน้าขวาของรถ มองเห็นได้ชัดเจน หากใครต้องการ M42 ตัวใหม่

2.การระบายแรงดันในห้องแครงใหม่่ด้วยชุดระบายใหม่ เป็นแบบจานกลม ๆ ที่อยู่ใต้ท่อร่วมไอดี มองไม่เห็นถ้าไม่ถอดท่อร่วมออก หรือ ต้องมองตะแคง ๆ เอา ใครไม่เคยเห็นตัวเก่า ก็คงบอกได้ยาก

3. ก้านและท่อวัดระดับน้ำมันเครื่องเป็นแบบงอกว่าเดิม ย้ายไปหลบ PCV นั่นเอง

4. ไดชาร์จใหม่ 80 A จากเดิม 70 A

5. เปลี่ยนหม้อกรองอากาศเป็นแบบใหม่ ที่มีรูปร่างเป็นห้าเหลี่ยมคางหมูเบี้ยว ๆ นั่นแหละครับ ตัวเก่าเป็นลูกสี่เหลี่ยม ทรงผืนผ้าปลายแหลมยาว ๆ

6. สายพานสำหรับ แอร์ และไดชาร์จเป็นแบบ V หลาย ๆ ร่องแล้ว

7. หัวฉีดน้ำมันแบบมีช่องอากาศเพื่อให้อากาศไปผสมกับน้ำมัน อันนี้เป็นความต้องการของมาตรฐานไอเสียตัวใหม่ EURO 2 โดย M42 ตัวแรกผลิตด้วยเงื่อนไข EURO 1 เพราะ EURO 2 บังคับใช้จริง ๆ เมื่อปี 1996 แต่ M42 ทำเผื่อไปเลย 2 ปี (จริง ๆ แล้ว ปี 1994 กลุ่ม EURO ก็แจ้งมาตรฐานใหม่ให้ผู้ผลิตแล้วครับ)

8. ในเมื่อมีมาตฐานไอเสียใหม่ ก็ต้องมี ชุดการจ่ายน้ำมันเวอร์ชั่นใหม่ด้วย คือ 1.72 จากเดิม 1.7

9. ขนาดของ คอมเพรสเซอร์แอร์เล็กลง ใ้ช้พลังงานน้อยลง

เห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้แรงม้าเพิ่มขึ้นมาอีก 4 ตัว และได้ไอเสียน้อยลง ประหยัดน้ำมันขึ้นอีกด้วย

ครับ จบจริง ๆ กับ M42

M44

เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อปี 1995 แต่ถูกขายจริง ๆ จัง ๆเมื่อปี 1996 โดยถูกนำไปใช้กับ 3 Series และ Z3 ถ้าดูปีเกิดมันแล้ว มันจะตกในช่วงปีที่ EMISSION EURO 2 ประกาศใช้เต็มที่ ซึ่งการความต้องการของ BMW เองต้องการทำเครื่องที่มี แรงม้า เยอะขึ้น แรงบิดมากขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น และไอเสียต่ำลง (ไอเสียต่ำลงนี่อาจจะไม่ใช่ความต้องการของ BMW ก็ได้)

M44 จึงถือกำเนิดขึ้นมาภายใต้สเปคเครื่องยนต์ที่มีปริมาตรกระบอกสูบ 1895cc (อาศัยพัฒนาร่วมกับ M43TU prototype) แรงบิดเพิ่มขึ้น 5 Nmที่รอบต่ำกว่า M42 200 รอบต่อนาที และยังมีต้นตระกูล เดียวกันM42 การเปลี่ยนแปลงนอกจากขนาดกระบอกสูบแล้ว ข้อเหวี่ยงยังใช้เป็นแบบหล่อขึ้นแทนที่จะใช้เหล็กชุบถ่วงน้ำหนักสมดุลย์แบบเดิม ทำให้เพลาข้อเหวี่ยงมีน้ำหนักลดลงเพราะไม่มีตุ้มถ่วงน้ำหนัก (ไม่ได้ว่าคนชื่อตุ้มอ้วนนะครับ)อีก 8 ตัว แต่ใช้การหล่อไปด้วยกันเลยทีเดียว หากใครใช้ M42 แล้้วต้องมีโอกาสเปลี่ยนเพลาข้อเหวี่ยง สังเกตให้ดีว่าเพลาข้อเหวี่ยงมีตัวถ่วงอยู่ครบหรือไม่ (ในกรณีซื้อเพลามือสองมา)

ลูกสูบมีการออกแบบหน้าตาเป็นแบบใหม่เพื่อการลดเสียง และ การสั่นสะเทือน อีกทั้งยังกินแรงในการดันขึ้นลง น้อยลงอีกด้วย และยังลดแรงเสียดทานรวมถึง 70% เป็นการเพิ่มประิสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในทางหนึ่ง มากไปกว่านั้น มีคนทำลูกสูบขายสำหรับรถรุ่นนี้เพื่อการติด Turbo ออกมาอีกด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการความแรงแบบอัดอากาศ

การใช้วาล์วสปริงแบบ ทรงกรวย แทนแบบ ทรงกระบอก เ้พื่อให้ความมีความแข็งแรง แต่ยืดหยุ่นมากขึ้น รองรับการเปลี่ยนแปลงรอบความเร็วแบบทันทีได้มากกว่า ไม่ว่าจะร้อน หรือ เย็น

เพื่อแก้ปัญหาเสียงดังจากโซ่ราวลิ้นใน M42 มีการเปลี่ยนตัวดันสายพานเป็นแบบร่องนำ ใน M44 และยังเป็นการยืดอายุการใช้งานโซ่ราวลิ้นของเครื่องอีกด้วย

กล่องการจ่ายน้ำมันด้วย DMEเวอร์ชั่นใหม่ 5.2 แทนที่ 1.72 เพื่อความเหมาะสมกับขนาดลูกสูบ และกำลังอัดใหม่

มีการลดเสียงท่อร่วมด้วยการใช้ ท่อแบบไขว้ และ ยังมีการใส่กล่องเก็บเสียงที่หม้อกรองอากาศ (อย่าถอดออกเลยครับ เงียบ ๆ แหละดีแล้ว)

ส่วนของเพลาลูกเบี้ยว แทนที่จะเป็นประกับจับบนฝา ก็มี ลูกปืนเพื่อการหมุนเข้ามาอีก ลดแรงเสียดทาน และเสียงจาก ชุดเพลาลูกเบี้ยวนี้

ระบบวัดปริมาตรอากาศ เปลี่ยนจาก Air Flow Meter ที่เป็นกลไกฝาเปิดสปริงหมุนความต้านทาน เป็น Mass Air Flow ใช้แผ่นfilm วัดอากาศ

DISA ที่สามารถปรับทางเดินของอากาศสั้นยาวได้ โดยเรียกรอบได้เร็วมากถึง 6000 รอบ

แม้การเปลี่ยนแปลงมากมาย จะเกิดขึ้นบน M44 แรงบิดสูงสุดจะมากขึ้น ที่รอบน้อยลง แต่ แรงม้ากลับหายไปถึง 2 ตัวเทียบกับ M42 ตัวล่าสุด สาเหตุง่าย อธิบายปรากฎการณ์นี้คือ EURO 2 นั่นเอง เพราะหากจะเค้นกันจริง ๆ เครื่อง M44 จะมีแรงม้าถึง 175 เพียงแค่คุณหา Chip ที่มาใส่ใน DME ก็จะไ้ด้แรงม้าที่มาพร้อม CO/HC มากกว่าเดิม โดยไม่ต้องทำอะไรกับเครื่องแม้แต่น้อย

รวม ๆ แล้ว อาจจะเหมือนว่า M44 นั้นเป็นเครื่องที่ น่าจะ สุดยอดมาก ๆ เพราะเล่นเอาเทคโนโลยีทั้งทางกล และทางไฟฟ้า คอมพิวเตอร์มาใช้มากมาย ทั้งยังทำให้เครื่องเงียบ และเบาลง ได้กว่า M42 อีกด้วย

แต่ M44 ก็เกิดอาการแป๊ก มากมาย เพราะตัวเครื่องเอง นั้น ใส่อะไรใหม่ ๆ เข้าไปมากเกิน เช่น BOSCH M 5.2 ก็ไม่มีช่างที่ไหนในยุคนั้นปรับตั้งได้หากมีการเปลี่ยนชุดตั้งวาล์ว หรือ หัวฉีดใหม่ และปัญหาของ ชุดตั้งวาล์วใหม่ ที่มักจะกดแล้วไม่ขยับตัวทำให้เครื่องสะดุดรุนแรงได้อีก ยังมีปัญหา Recall เนื่องจากวัสดุต่าง ๆ ของเครื่องเช่น ข้อเหวี่ยงต๊อก ๆ สูบ น้ำมันรั่วจากลูกปืนเพลาลูกเบี้ยว
ทำให้ M44 ไม่ไปต่อใน 3 Series รุ่นต่อไป ดับลงไว้เพียง Z3 และ e36

และท้ายสุดที่ต้องดับกันไปตาม ๆ กัน คือ มาตรฐาน EURO 4 เพราะด้วยเทคโนโลยีนี้ คงไม่สามารถเค้นแรงม้าเยอะๆ โดยผ่าน Euro 4 BMW จึงหยุดโครงการ M4X ไว้
สรุปช่วงอายุ M44
1996 -2001 E36 และ Z3
ตอนนี้ใช้ M42 อยู่อัตราเร่ง 1-100 - 11วิ ปลายได้มากสุดที่ล้อ 18+LPG - 210 ขึ้นสบายๆที่ 160 หลัง 180 อืดหน่อยแต่ไปได้ การประหยัดแน่นอนมากกว่าเครื่อง 6 สูบ อัตราเร่งต้นอาจไม่ทันใจเท่า 6สูบ แต่ M42 ก็พังยากกว่าเยอะ

ปล. M42 กับ M44 แรงม้าเท่ากันหมดเปลี่ยนแค่มอเตอร์เดินเบามาข้างหน้าและจุกจิกนิดหน่อย M42 จะอยู่ในช่วงปี 93 (บอดี้ E36 คูเป้ เท่านั้น) M44 จะอยู่ในช่วงปี 97ขึ้นไป (และในบอดี้คูเป้เท่านั้น) หากเจอเครื่องสองตัวนี้อยู่ในบอดี้ E36 4ประตูแสดงว่าเค้าไปเปลี่ยนเครื่องมาครับ 4ประตูจะได้แค่ M43 แต่หลังปี 97ขึ้นไปจะเปลี่ยนระบบใหม่คล้ายๆ M44

ที่ว่า M44 อยู่แค่ในCoupe นั้น เฉพาะเมืองไทยครับ ต่างประเทศ มีเครื่องรุ่นนี้ใน Sedan ด้วย ก็ไม่แปลกหากเจอหัวเซียงกงที่มาพร้อม M44
แกล้งโง่ไปบ้าง ทำให้เขาดูถูกไปบ้าง ชีิวิตมันก็ง่ายขึ้น

niueng

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 53
Re: สมาชิกใหม่ขอถามหน่อยครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2013, 14:29:59 »
ขอm43 m43tuต่อได้มั้ยครับอ่านเพลินเลย