สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติและยอมรับได้ มิใช่ยี่ห้อ BMW เท่านั้น !!! รถอื่นๆ รุ่นใหม่ป้ายแดงก็มีอาการดังกล่าว จากสภาพ สภาวะการขับ อุณหภูมิ ลักษณะการขับ
สามารถ search ได้จาก Google โดยลองใส่ประโยค " รถกินน้ำมันเครื่อง" " น้ำมันเครื่องหาย "
ตัวอย่าง รถใหม่ๆ ปี 2011 -2012 รุ่น X1 เครดิตจากเวปพี่ใหญ่ BMS
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์
สมัครสมาชิก หรือ
ล็อกอินส่วนรถผม N42 ปี 2003 พี่เขาก็รับประทานไป ประมาณ 9,000 กม. ต่อ 750 ซีซี ( เติม )
เพราะค่อนข้างขับเล่นรอบบ่อย + ติดเจ้าบูสเตอร์คันเร่งไฟฟ้า
แถมดันลืม ไม่ทันบอกช่าง ช่างใส่น้ำมัน 30w ให้
มันใสไป ต้องใช้ 40w จึงจะเหมาะสม และ ไม่สูญเสียเร็วไป จากการแทรกซึมผนังลูกสูบ และ อื่นๆ สำหรับรถที่เกิน 1 แสนกิโลข้อความมาจาก ท่านสมาชิกในเวปวอลโว่ ที่ผมใช้อีกคัน
น้ำมันเครื่องแต่ละเบอร์จะมีข้อดี ข้อเสีย ต่างกันเล็กน้อยครับ
-w30 มีความหนืดต่ำ น้ำมันจะมีความใสมาก เหมาะกับรถป้ายแดงที่ชิ้นส่วนยังไม่สึกหรอ
-w40 มีความหนืดปานกลาง น้ำมันจะมีความข้นพอสมควร เหมาะกับรถใช้งานเกิน 30,000 กม.
-w50 มีความหนืดมาก น้ำมันจะมีความข้นมาก เหมาะกับรถเกิน 100,000 กม. รถที่ใช้ระบบอัดอากาศ หรือในรถรอบจัด
และบ้านเราเป็นเมืองร้อนค่าความร้อนของน้ำมันเครื่องเวลาทำงาน ที่อุณหภูมิเท่ากัน ถ้าเบอร์ 30 ฟิลม์น้ำมันจะใสทำให้น้ำมันเครื่องหายได้ง่ายกว่าเบอร์ 40 และ 50
ถ้ารถป้ายแดงก็ใช้ 30 จนเกิน 30,000 กม. ก็เปลี่ยนมาใช้เบอร์ 40 พอครบ 100,000 กม. ก็เปลี่ยนมาใช้เบอร์ 50 ( พวกรถที่มีระบบอัดอากาศ หรือรอบจัดก็ควรใช้เบอร์นี้ )
-------------------------------------------------------------------------------
E46 แนะนำ 40w กำลังดีครับไม่หนืดเกินไป สำหรับวาล์วเทคโนโลยีใหม่
ถ้าน้ำมันเครื่อง หากมันหายบ้างก็ไม่ต้องวิตกจริตครับ แนะนำให้พกน้ำมันเครื่องไว้กระโปรงหลัง สัก ขวด 1 ลิตร 