ผู้เขียน หัวข้อ: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ  (อ่าน 23626 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

manbm

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 181
ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 22:10:31 »
ผมเห็นผลิตภัณฑ์มันน่าใช้ดีครับ package สวย ดูน่าเชื่อถือโฆษณาไม่เวอร์เกินจริงเลยอยากถามหลายๆท่านว่ามันดีกับรถจริงไหม? บางคนว่าไม่จำเป็นใช้น้ำมันเครื่องดีๆก็พอแล้ว บางคนว่าใช้ก็ดีกว่าไม่ใช้ บางคนบอกเห็นผลมากมายคุ้มค่า แต่คนเหล่านั้นผมเข้าไม่ถึงเลยมาถามท่านๆในนี้ดีกว่าครับว่า ดีจริงหรือไม่ โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่จำเป็น แต่มีไว้ใช้ก็ดีกว่าไม่ได้ใช้ ขอบคุณมากๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 22:40:33 โดย manbm »

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 22:26:54 »
เป็นน้ำมันเครื่องที่ผลิตในเยอรมัน แท้ๆๆเลยคับ และไม่ผ่านการบรรจุที่สิงโปร ด้วยคับ
เป็นน้ำมันเครื่อง ที่นำเข้าสั่งตรงจาก เยอรมัน เข้าไทยเลย
ล๊อตแรกนำเข้ามาถึงเดือนเมษายน
ล๊อตที่ 2 เข้ามาถึงเดือนกันยายน ผู้นำเข้าก็ใช้ผลิตภัทณ์ ของยี่ห้อนี้มาก่อน ในเรื่องน้ำยาทำความสะอาดรถคับ

ส่วนถ้าเราอยากรู้ก็ เอาสเปกมาตรวจสอบว่าเกรดไหน ผ่านมาตรฐานอะไรมามั่งคับ


ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

manbm

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 181
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 22:41:38 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
เป็นน้ำมันเครื่องที่ผลิตในเยอรมัน แท้ๆๆเลยคับ และไม่ผ่านการบรรจุที่สิงโปร ด้วยคับ
เป็นน้ำมันเครื่อง ที่นำเข้าสั่งตรงจาก เยอรมัน เข้าไทยเลย
ล๊อตแรกนำเข้ามาถึงเดือนเมษายน
ล๊อตที่ 2 เข้ามาถึงเดือนกันยายน ผู้นำเข้าก็ใช้ผลิตภัทณ์ ของยี่ห้อนี้มาก่อน ในเรื่องน้ำยาทำความสะอาดรถคับ

ส่วนถ้าเราอยากรู้ก็ เอาสเปกมาตรวจสอบว่าเกรดไหน ผ่านมาตรฐานอะไรมามั่งคับ
ขอบคุณมากครับ แสดงว่าของเค้าดีจริง เด๋วคงได้ลองแน่ๆ เพราะกำลังคันอยากลองพอดี

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 22:58:41 »
 :) ข้อมูลมาตรฐานผ่านเกณท์คับ
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:10:35 »
 :-X
เรื่องของเกรดน้ำมันเครื่อง
ความหมายของเกรดน้ำมันเครื่องที่อยู่ข้างกระป๋องนั้นมีความสำคัญต่อการใช้งานของเครื่องยนต์เราสามารถแบ่งเกรดน้ำมันเครื่องออกได้สองประเภทด้วยกันดังนี้
 -แบ่งตามความหนืด
 -แบ่งตามสภาพการใช้งาน
การแบ่งเกรดน้ำมันเครื่องตามความหนืด แบบนี้จะเป็นที่คุ้นเคยและใช้กันมานานแล้ว และเป็นมาตรฐานที่ใช้อ้างอิงของอีกหลายสถาบันที่ตั้งขึ้นมาทีหลังอีกด้วย พูดถึง มาตรฐาน "SAE" คงจะรู้จักกันมาตรฐานนี้ก่อตั่งโดย "สมาคมวิศวกรยานยนต์" ของอเมริกา (Society of Automotive Engineers) การแบ่งเกรดของน้ำมันเครื่อง แบบนี้จะแบ่งเป็นเบอร์ เช่น 30,40,50 ซึ่งตัวเลขแต่ละชุดนั้นจะหมายถึงค่าความข้นใสหรือค่าความหนืดของน้ำมันหล่อลื่น โดยน้ำมันที่มีเบอร์ต่ำจะใสกว่าเบอร์สูง ตัวเลขที่แสดงอยู่นั้นจะมาจากการทดสอบที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส หมายความว่าที่อุณหภูมิทำการทดสอบ น้ำมันเบอร์ 50 จะมีความหนืดมากกว่าน้ำมันเบอร์ 30 เป็นต้น

น้ำมันที่มีตัว "W" ต่อท้ายนั้นย่อมาจากคำว่า Winter เป็นน้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับใช้ในอุณหภูมิต่ำ ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งมีความข้นใสน้อย จะวัดกันที่อุณหภูมิต่ำ -18 องศาเซลเซียสน้ำมันเบอร์ 5W จะมีความข้นใสน้อยกว่าเบอร์ 15W นั่นหมายความว่าตัวเลขสำหรับเกรดที่มี "W" ต่อท้ายเลขยิ่งน้อย ยิ่งคงความข้นใสในอุณหภูมิที่ติดลบมาก ๆ ได้เหมาะสำหรับใช้งานในประเทศที่มีภูมิอากาศหนาวเย็นมาก อย่างเกรด 0W นั้นสามารถคงความข้นใสได้ถึงประมาณ -30 องศาเซลเซียส เกรด 20 W สามารถคงความข้นใสได้ถึงอุณหภูมิประมาณ -10 องศาเซลเซียส น้ำมันเครื่องทั้งสองเกรดนี้เรียกว่า "น้ำมันเครื่องชนิดเกรดเดียว" (Single Viscosity หรือ Single Grade)

ส่วนน้ำมันเครื่องชนิดเกรดรวม (Multi Viscosity หรือ Multi Grade) นั้นทาง SAE ไม่ได้เป็นผู้กำหนดมาตรฐานของน้ำมันเกรดรวม แต่เกิดจากการที่ผู้ผลิต สามารถปรับปรุงโดยใช้สารเคมีเข้ามาผสมจนสามารถทำให้น้ำมันเครื่องนั้น ๆ มีมาตรฐานเทียบเท่ากับมาตรฐานของ SAE ทั้งสองแบบได้เพื่อให้เกิดความหลากหลายใน
การใช้งานตามสภาพภูมิประเทศที่มีอุณหภูมิต่างกันมาก การผสมสารปรับปรุงคุณภาพนั้นแตกต่างกันมากน้อยตามความต้องการในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเกรด 5W-40 หรือ 15W-50 แต่การแบ่งเกรดของน้ำมันเครื่องตามความหนืดที่เราเรียกกันเป็นเบอร์นี้สามารถบอกได้แค่ช่วงความหนืดเท่านั้นแต่ไม่ได้บ่งบอกถึงระดับในการใช้งานของเครื่องยนต์แต่ละประเภท ต่อมาในประมาณปี 1970 SAE,API และ ASTM (American Society for Testing and Masterials) ได้ร่วมมือกันกำหนดการแยก น้ำมันเครื่องตามสภาพการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี่เครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้น เราจึงเห็นได้เห็นจากข้างกระป๋องบรรจุ ตัวอย่างเช่น การบอกมาตรฐานในการใช้งานไว้ API SJ/CF และมีค่าความหนืดของ SAE 20W-50 ควบคู่กันไปด้วยแสดงว่าน้ำมันเครื่องชนิดนี้สามารถใช้กับเครื่องยนต์เบ็นซินได้เทียบเท่า
เกรด SJ ถ้าใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลจะเทียบเท่าเกรด CF ที่ค่าความหนืด SAE 20W-50

การกำหนดมาตราฐานของน้ำมันเครื่องตามสภาพการใช้งานนั้น สามารถแบ่งมาตรฐานของน้ำมันเครื่องโดยอ้างอิงสถาบันใหญ่ได้หลายสถาบันเช่น

       -สถาบัน "API" หรือสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา
       -สถาบัน "ACEA" (เดิมเรียก CCMC) เกิดจากการรวมตัวของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ในตลาดร่วมยุโรป
       -สถาบัน "JASO" เกิดจากการรวมตัวของสถาบันกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าแต่เดิมสถาบัน API

ซึ่งเคยมีบทบาทมากในอดีต และเป็นสถาบันที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกยอมรับ ปัจจุบันในกลุ่มประเทศยุโรปและญี่ปุ่นก็ได้มีการออกมาตรฐานขึ้นมาเป็นของตนเองเช่นกัน

คำว่า "API" ย่อมาจาก "American Petroleum Institute" หรือสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาซึ่งจะแบ่งเกรดน้ำมันหล่อลื่นตามสภาพการใช้งานเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ตามชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ก็คือ
       
-"API"ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบ็นซินเป็นเชื้อเพลิงใช้สัญลักษณ์ "S" (Service Stations Classifications) นำหน้า เช่น SA, SB, SC, SD, SE, SF, SG, SH, และ SJ

-"API"ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง ใช้สัญลักษณ์ "C" (Commercial Classifi-cations) นำหน้าเช่น CA, CB, CC, CD, CD-II, CF, CF-2, CF-4, และ CG-4

เรามาดูน้ำมันเครื่งที่ใช้น้ำมันเบ็นซินเป็นเชื้อเพลิงกันก่อนจะใช้สัญลักษณ์ "S" และตามด้วยสัญลักษณ์แทนน้ำมันเกรดต่าง ๆ ที่แบ่งได้ตามเกรดดังต่อไปนี้

-SA สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินใช้งานเบาไม่มีสารเพิ่มคุณภาพ
-SB สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินใช้งานเบามีสารเพิ่มคุณภาพเล็กน้อย และสารป้องกันการกัดกร่อนไม่แนะนำให้ใช้ในเครื่องยนต์รุ่นใหม่

-SC สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1964-1967 โดยมีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐาน SB เล็กน้อย เช่น มีสารควบคุมการเกิดคราบเขม่า

-SD สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1968-1971 โดยมีสารคุณภาพสูงกว่า SC และมีสารเพิ่มคุณภาพมากกว่า SC

-SE สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1971-1979 มีสารเพิ่มคุณภาพเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้สูงกว่า SD และ SC และยังสามารถใช้แทน SD และ SC ได้ดีกว่าอีกด้วย

-SF สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1980-1988 มีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมสภาพสามารถจะทนความร้อนสูงกว่า SE และยังมีสารชำระล้างคราบเขม่าได้ดีขึ้น

-SG เริ่มประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคม คศ.1988 มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นกว่ามาตรฐาน SF โดยเฉพาะมีสารป้องกันการสึกหรอ สารป้องกันการกัดกร่อน สารป้องกันสนิม สารป้องกันการเสื่อมสภาพเนื่องจากความร้อน และสารชะล้าง-ละลาย และย่อยเขม่าที่ดีขึ้น
-SH เริ่มประกาศใช้เมื่อปี คศ.1994 เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์อย่างรวดเร็วมีระบบใหม่ ๆ ในเครื่องยนต์ที่ถูกคิดค้นนำเข้ามาใช้ เช่น ระบบ Twin Cam, Fuel Injector, Multi-Valve, Variable Valve Timing และยังมีการติดตั้งระบบแปรสภาพไอเสีย (Catalytic Convertor) เพิ่มขึ้น

-SJ เป็นมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบัน เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ.1997 มีคุณสมบัติทั่วไปคลายกับมาตรฐาน SH แต่จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่ามีค่าการระเหย ตัว (Lower Volatility) ต่ำกว่าทำให้ลดอัตราการกินน้ำมันเครื่องลงและมีค่าฟอสฟอรัส (Phosphorous) ที่ต่ำกว่าจะช่วยให้เครื่องกรองไอเสียใช้งานได้นานขึ้น

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจะใช้สัญลักษณ์ "C" (Commercial Classifications) และตามสัด้วยสัญลักษณ์ที่แทนด้วยน้ำมันเกรดต่าง ๆ โดยจะแบ่งตามลักษณะเครื่อง
ยนต์ที่ใช้งานแตกต่างกัน
-CA สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้งานเบา เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ผลิตขึ้นระหว่าง คศ. 1910-1950 มีสารเพิ่มคุณภาพเล็กน้อย เช่น สารป้องกันการกัดกร่อน สารป้องกันคราบเขม่าไปเกาะติดบริเวณลูกสูบผนังลูกสูบและแหวนน้ำมัน
-CB สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา งานเบาปานกลาง มาตรฐานนี้เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ. 1949 มีคุณภาพสูงกว่า CA โดยสารคุณภาพดีกว่า CA
-CC สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบ มาตรฐานนี้เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ. 1961 ซึ่งมีคุณภาพสูงกว่า CB โดยเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันคราบเขม่า มีสารป้องกันสนิมและกัดกร่อน ไม่ว่าเครื่องยนต์จะร้อนหรือเย็นจัดก็ตาม
-CD สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนัก และรอบจัดเริ่มประกาศใช้ คศ.1955 มีคุณภาพสูงกว่า CC
-CD-II สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ เริ่มประกาศใช้เมื่อปี 1988 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ดีทรอยด์ ซึ่งใช้ในกิจการทางทหาร
-CE สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนัก และรอบจัดเริ่มประกาศใช้ คศ.1983 มีคุณภาพสูงกว่า CD ป้องกันการกินน้ำมันเครื่องได้อย่างดีเยี่ยม
-CF เป็นมาตรฐานสูงสุดในเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน สำหรับเกรดธรรมดา (Mono Grade) เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ. 1994 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลทุกชนิด ไม่ว่าจะใช้ งานหนักหรือเบา สามารถใช้แทนในมาตรฐานที่รอง ๆ ลงมา เช่น CE, CD, CC ได้ดีกว่าอีกด้วย
-CF-2 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุนใหม่ 2 จังหวะเริ่มประกาศใช้เมื่อปี 1994 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ดีทรอยด์ ซึ่งใช้ในกิจการทางทหาร
-CF-4 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ 4จังหวะที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนักและรอบจัด เริ่มประกาศใช้เมื่อปี 1990 เป็นน้ำมันเครื่องเกรดรวม สามารถป้องกันการกินน้ำมันเครื่องได้ดีเยี่ยม -CG-4 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ 4จังหวะซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในในปัจจุบัน เริ่มประกาศใชปี 1996 เป็นน้ำมัน เครื่องเกรดรวม

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง ACEA ย่อมาจาก The Association des Constructeurs Europeens d'Automobile หรือเป็นทางการว่า European Automobile Manufarturer' Association สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ในตลาดร่วมยุโรบซึ่งได้แก่ ALFA ROMEO, BRITISH LEYLAND, BMW, DAF, DAIMLER-BENZ, FIAT, MAN, PEUGEOT, PORSCHE, RENAULT, VOLKSWAGEN, ROLLS-ROYCE, และ VOLVO ได้มีการกำหนดมาตรฐานโดยเริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ 1 มกราคม 1996 โดยยกเลิกมาตรฐาน CCMC ไปเนื่องจาก ACEA มีสถาบันเข้าร่วมโครงการมากกว่าและมีข้อกำหนดที่เด่นชัด

-มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน (Gasoline (Petron) Engines)
       A 1-96 มาตรฐานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินทั่วไป
       A 2-96 มาตรฐานพิเศษสูงขึ้นไปอีก
       A 3-96 มาตรฐานสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินในปัจจุบัน
-มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก (Light Duty Diesel Engines)
       B 1-96 มาตรฐานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กทั่วไป
       B 2-96 มาตรฐานพิเศษสูงขึ้นไปอีก
       B 3-96 มาตรฐานสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กในปัจจุบัน
-มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ (Heavy Duty Diesel Engines)
       E 1-96 มาตรฐานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ทั่วไป
       E 2-96 มาตรฐานพิเศษสูงขึ้นไปอีก
       E 3-96 มาตรฐานสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง JASO ย่อมาจาก Japanese Automobile Standard Organization หรือกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเเป็นกลุ่มที่มีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน ต่อมาเรียกรวมเป็นมาตรฐาน ISO โดยเเบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

-เครื่องยนต์เบนซิน
JSE (ISO-L-EJGE) เทียบพอๆ กับมาตรฐาน API SE หรือ CCMC G1 โดยเน้นป้องกันการสึกหรอบริเวณวาล์วเพิ่มขึ้น
JSG (ISO-L-EJDD) เทียบกับมาตรรฐานสูงกว่า API SG หรือ CCMC G4 โดยเน้นป้องกันการสึกหรอบริเวณวาล์วเพิ่มขึ้นไปอีก
-เครื่องยนต์ดีเซล
JASO CC (ISO -L-EJDC) โดยกำหนดว่าต้องผ่านการทดสอบโดยเครื่องยนต์นิสสัน SD 22 เป็นเวลา 50 ชั่วโมง เทียบได้กับ API CC เป็นอย่างต่ำ
JASO CD (ISO -L-EJDD) โดยกำหนดว่าต้องผ่านการทดสอบโดยเครื่องยนต์นิสสัน SD 22 เป็นเวลา 100 ชั่วโมง เทียบได้กับ API CD เป็นอย่างต่ำ
มาตรฐานน้ำมันเครื่องแห่งกองทัพสหรัฐ
มาตรฐาน MIL-L-2104 เป็นมาตรฐานของน้ำมันหล่อลื่นที่กำหนดขึ้นสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน มีรายละเอียดดังนี้
MIL-L-2104 A ถูกกำหนดขึ้นเมื่อปี 1954 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีกำมะถันต่ำและเครื่องยนต์เบ็นซินทั่ว ๆ ไปเปรียบได้กับมาตรฐาน API CA/SB ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว
MIL-L-2104 B กำหนดใช้เมื่อปี 1964 สำหรับน้ำมันหล่อลื่นทีมีสารเพิ่มคุณภาพด้านการป้องกันการเกิดอ๊อกซิเดชั่นและป้องกันสนิม เทียบได้กับมาตรฐาน API CC/SC

MIL-L-2104 C กำหนดใช้เมื่อปี 1970 สำหรับน้ำมันหล่ดลื่นที่ใช้กับเครื่องยนต์ที่มีรอบสูงมาก ๆ และการใช้งานหนัก มีสารป้องกันคราบเขม่า ป้องกันการสึกหรอ และป้องกันสนิม เทียบได้กับมาตรฐาน API CD/SC

MIL-L-2104 D กำหนดใช้เมื่อปี 1983 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน 4 จังหวะ ที่มีประสิทธิภาพสูงใช้งานหนัก เทียบได้กับมาตรฐาน API CD/SC

MIL-L-2104 E กำหนดใช้เมื่อปี 1988 เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน 4 จังหวะ รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงใช้งานหนัก เทียบได้กับมาตรฐาน API CF/SG
มาตรฐาน MIL-L-46152 เริ่มกำหนดใช้เมื่อปี 1970 เป็นมาตรฐานน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน
MIL-L-46152 A เริ่มใช้เมื่อปี 1980 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซินทั่วไป เทียบได้กับมาตรฐาน API SE/CC
MIL-L-46152 B กำหนดใช้เมื่อปี1981เป็นการรวมมาตรฐาน MIL-L-2104 Bเทียบได้กับมาตรฐาน API SF/CC
MIL-L-46152 C กำหนดใช้เมื่อปี 1987 โดยปรับปรุงจากมาตรฐาน MIL-L-46152 B เพราะมีการเปลียนแปลงวิธีการวัดจุดไหลเทใหม่
MIL-L-46152 D เป็นมาตรฐานที่ปรับปรุงมาจาก MIL-L-46152 C เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทดสอบเครื่องยนต์ และมีคุณสมบัติป้องกันการเกิด

อ๊อกซิเดนชั่นดีขึ้นกว่าเดิม เทียบได้กับมาตรฐาน API SE/CD
MIL-L-46152 E มาตรฐานล่าสุด เทียบได้กับมาตรฐาน API SG/CE

สำหรับมาตรฐานน้ำมันเครื่องที่รู้จัก ก็คือมาตรฐาน "API" และ "SAE" ซึ่งน้ำมันเครื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะแจ้งมาคู่กันบางยี่ห้อจะบอกค่าดัชนีความหนืดของ "SAE" อย่างเช่น 5W-30, 15W-40 เป็นต้นและจะมีค่ามาตรฐานที่บอกสมรรถนะของน้ำมันเครื่องกระป๋องนั้นเป็นมาตรฐาน "API" เช่น SE, SF, SG, CC, CD, CE เป็นต้น
 บทความนี้มาจากเวบต่างๆๆที่ค้นมาได้คับ
และมีต่ออีกคับ
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

manbm

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 181
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:21:07 »
ขอบคุณ คุณsumate มากๆเลยคับ ความรู้เยอะเลยจริงๆครับ แต่ที่ผมจะใช้มันจะเป็น พวกน้ำมันหัวเชื้อดูแลเครื่องยนต์ และ พวกหล่อลื่น มากกว่าครับ มันดีไหมครับ พวกนั้น?

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:29:28 »
อันนี้ของ ZIC
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:34:17 »
 :) อ่านต่อนะคับว่าอะไรจำเป็นมากที่สุดมั่งคับ


น้ำมันเครื่องชนิดใดเหมาะสำหรับรถของคุณ
 เครื่องยนต์แต่ละชนิดมีเทคโนโลยี และการดีไซน์ของเครื่องยนต์ที่ต่างกัน ดังนั้น คุณสมบัติของน้ำมันเครื่องที่ใช้จึงต่างกัน อันดับแรกควรเลือกชนิดน้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับชนิดของเครื่องยนต์ท่าน อาทิ เครื่องยนต์รถยนต์เบนซินควรเลือกใช้น้ำมันที่ออกแบบสำหรับเครื่องยนต์รถยนต์เบนซินโดยเฉพาะ ได้แก่ น้ำมันเครื่องในตระกูล  PERFROMA หากเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ออกแบบสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลโดยเฉพาะ ได้แก่น้ำมันเครื่องในตระกูล DYNAMIC หรือหากเป็นรถจักรยานยนต์ ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ออกแบบสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ เป็นต้น

ความหนืดคืออะไร ดูได้อย่างไร?
ความหนืด คือ ความข้น–ใส ของน้ำมันหล่อลื่นนั้นๆ ซึ่งกำหนดโดยองค์กรวิศวกรรมยานยนต์(SAE) จากอเมริกา โดยความหนืดจะระบุเป็นตัวเลขตามหลังตัวอักษร SAE เช่น SAE 10W-30 หรือ SAE 5W-40 เป็นต้น นอกจากนี้ ควรพิจารณาเลือกใช้ความหนืดที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ โดยท่านสามารถดูได้จากหนังสือคู่มือรถยนต์ ของท่านเพื่อประกอบการตัดสินใจ

  เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้ำมันเครื่องตัวไหนดีกว่ากัน?
สามารถดูได้จากมาตรฐานคุณภาพ โดยที่นิยมใช้กันทั่วโลก คือ มาตรฐาน API (American Petroleum Institute Standard) จากอเมริกา โดยมาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะกำกับด้วย “S” เช่น API SM หรือ API SL เป็นต้น ส่วนมาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจะกำกับด้วย “C” เช่น API CF-4 หรือ API CI-4 เป็นต้น ทั้งนี้ ระดับมาตรฐานที่แตกต่างกันจะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องในแต่ละหัวข้อคุณสมบัติที่ทำการทดสอบ และมาตรฐานที่สูงกว่าสามารถใช้ทดแทนมาตรฐานที่ต่ำกว่าได้ โดยปัจจุบันน้ำมันเครื่องของ ปตท. ได้ถูกพัฒนามาให้ครอบคลุมมาตรฐานคุณภาพระดับสูง ตัวอย่าง เช่น น้ำมันเครื่องที่ผ่านมาตรฐาน API SM เปรียบเทียบกับ API  SL จะให้คุณสมบัติที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ ดังนี้
-          ป้องกันการสึกหรอสูงขึ้น (Wear protection)
-          รักษาความสะอาดเครื่องยนต์ดีขึ้น (oxidation control and piston deposit control)
-          ลดการระเหย (Evaporative loss)
-          ช่วยยืดอายุการเปลี่ยนถ่าย(Draining period)
-          ช่วยยืดอายุกรองไอเสีย (Catalytic converter)
 น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดสูง ดีกว่าน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดต่ำจริงหรือไม่?
ไม่จริง ความหนืดมิได้เป็นตัวบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่องนั้น ๆ มาตรฐานคุณภาพ เช่น API หรือ ACEA ต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดที่เหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์ และสภาพการใช้งานของท่าน เช่น หากรถของท่านเป็นรถใหม่ ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดใส จะช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น SAE 10W-30 เป็นต้น แต่หากรถของท่านเป็นรถเก่า มีอาการกินน้ำมันเครื่อง ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดที่ข้นมากขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาการกินน้ำมันเครื่อง เช่น SAE 20W-50 เป็นต้น

 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic) ดีกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไปอย่างไร?
 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้น้ำมันพื้นฐานทั่วไป ในเรื่องของความเสถียรที่อุณหภูมิสูง และไหลได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ   เป็นผลทำให้ ช่วยให้สตาร์ทเครื่องง่าย ลดการสึกหรอจากการสตาร์ท รวมทั้งป้องกันการเกิดคราบตะกอน ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด   นอกจากนี้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สามารถสร้างฟิล์มน้ำมันที่แข็งแรง จึงสามารถป้องกันเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้สูงกว่า และทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องทั่ว ๆ ไปอีกด้วย

สามารถนำน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อ ต่างระดับชั้นคุณภาพ มาผสมกันเพื่อใช้งานได้หรือไม่?
ได้ เนื่องจากน้ำมันเครื่อง มีคุณสมบัติในการเข้ากันได้กับน้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อ  แต่อย่างไรก็ตามคุณภาพของน้ำมันที่สูงกว่าเมื่อผสมกับน้ำมันที่คุณภาพต่ำกว่า จะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องที่ดีลดลงไปตามสัดส่วนการผสม  ดังนั้น หากเป็นการใช้งานในสภาวะปกติทั่ว ๆ ไป แนะนำให้ไม่ควรผสมน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อ หรือต่างระดับชั้นคุณภาพครับ

 น้ำมันเครื่องใหม่ที่มีสีเข้ม มีคุณภาพดีกว่านำมันเครื่องใหม่ที่มีสีอ่อนใสกว่า จริงหรือไม่?
ไม่จริง เพราะสีของน้ำมันเครื่องใหม่ ไม่สามารถบ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่องได้ เพราะสีเป็นเพียงคุณสมบัติภายนอกของน้ำมันเครื่องเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม น้ำมันเครื่องที่ดี ควรจะมีลักษณะใส ไม่ขุ่น รวมถึงไม่มีฝุ่นละออง หรือน้ำ ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อน้ำมันครับ
 น้ำมันเครื่องใช้แล้วเป็นสีดำเร็ว แสดงว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่ไม่ดีใช่หรือม่?
โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องเมื่อเปลี่ยนถ่าย และใช้งานไประยะหนึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้น เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ดี จะช่วยกระจายเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ รวมถึงช่วยชะล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์ ให้มาผสมอยู่ในเนื้อของน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นเข้ม หรือดำ โดยที่น้ำมันเครื่องนั้น ๆ ยังสามารถคงความหนืดได้ดังเดิม แต่หากน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว  มีสีดำ และมีลักษณะที่ข้น หรือเหนียวขึ้น ถือว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่คุณภาพต่ำครับ ดังนั้น น้ำมันเครื่องดำไม่ใช่ปัญหาครับ

 จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเติมหัวเชื้อ เพิ่มลงน้ำมันเครื่อง ?
ไม่จำเป็น หากท่านเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีมาตรฐานเทียบเท่า หรือสูงกว่า มาตรฐานที่ระบุให้ใช้ในคู่มือรถยนต์ของท่าน เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ได้รับมาตรฐานเทียบเท่า หรือสูงกว่านั้น ได้ผ่านการทดลอง ทดสอบจากองค์กรมาตรฐาน โดยใช้เครื่องมือทดสอบต่าง ๆ อย่างเข้มงวด และหนักหน่วง จึงสามารถใช้งานตามระยะเปลี่ยนถ่ายที่ระบุไว้ในคู่มือรถยนต์ได้โดยไม่ต้องการเติมหัวเชื้อ อีกทั้งการเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพิ่มเข้าไปในระบบจะไปรบกวนการทำงานของ additive บางชนิดที่ถูกรวมอยู่ใน additive packages ที่ผสมในน้ำมันเครื่อง ที่มีการคำนวณสัดส่วนไว้อย่างดีและทำการทดสอบแล้ว อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของน้ำมันเครื่องลดลง ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้เติมหัวเชื้อชนิดใด ๆ เพิ่มเข้าไปในน้ำมันเครื่องครับ

 ระยะเปลี่ยนถ่ายเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับรถยนต์ของท่าน ?
ในคู่มือของรถยนต์แต่ละรุ่น จะระบุความหนืด มาตรฐานคุณภาพขั้นต่ำ รวมถึงระยะเปลี่ยนถ่ายมาตรฐานไว้ แต่เนื่องจากน้ำมันเครื่องมีหลายชนิด และหลายระดับคุณภาพ เช่น น้ำมันสังเคราะห์ กึ่งสังเคราะห์ น้ำมันธรรมดา เป็นต้น รวมถึงระดับปริมาณสารเพิ่มคุณภาพที่ใช้ก็แตกต่างกัน จึงมีความสามารถในการคงคุณสมบัติที่ดีของน้ำมันเครื่องเอาไว้ได้ในระยะเวลาที่ต่างกัน เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด สารเพิ่มคุณภาพก็จะเสื่อมคุณภาพจนหมด  ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะใช้งานเกินระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายที่กำหนด โดยน้ำมันเกรดสังเคราะห์จะเปลี่ยนถ่ายที่ 15,000 กม. กึ่งสังเคราะห์เปลี่ยนถ่ายที่ 10,000 กม. และน้ำมันธรรมดาเปลี่ยนถ่ายที่ 7,000 กม. ครับ

 สามารถนำน้ำมันเครื่องต่างชนิดกัน มาใช้แทนกันได้หรือไม่ ?
ในกรณีปกติไม่แนะนำครับ เนื่องจากน้ำมันเครื่องแต่ละชนิดมีวัตถุประสงค์ในการใช้กับเครื่องยนต์ / เครื่องจักรที่แตกค่างกัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากเทคโนโลยี และการดีไซน์ของเครื่องยนต์ ที่ต่างกัน เช่น น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติค่าความเป็นด่างรวม (TBN) สูงกว่า น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน หรือนำเอาน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซิน ไปใช้ในรถจักรยานยนต์ก็ไม่เหมาะสม เป็นต้น ดังนั้น ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะกับชนิดของเครื่องจักรนั้น ๆ ครับ แต่หากเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือเร่งด่วน อาจอนุโลมให้ใช้ทดแทนได้ในช่วงเวลานั้น ๆ   จากนั้นต้องรีบเปลี่ยนถ่ายเป็นน้ำมันที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ดังเดิมครับ
 น้ำมันเกียร์ยานยนต์กับน้ำมันเกียร์อุตสาหกรรมใช้ปนกันได้หรือไม่ ?
ไม่สามารถใช้ปนกันได้  เนื่องจาก  additive  ที่เป็นองค์ประกอบนั้นอาจมีลักษณะที่ไม่เข้ากัน ถ้าจะใช้ผสมกันจะทำให้น้ำมันหล่อลื่นนั้นเสื่อมคุณภาพ ทำให้เกิดผลเสียหายต่อชุดเกียร์นั้น ๆ ได้   ดังนั้น ควรเลือกน้ำมันหล่อลื่นมาใช้งานให้ถูกชนิด และประเภทของเครื่องจักร / เครื่องยนต์ครับ

 น้ำมันเครื่องที่ซื้อไป สามารถเก็บได้กี่ปี ?
โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องที่ซื้อกันในท้องตลาด จะมีระบุวันที่ผลิตไว้ที่แกลลอนน้ำมันเครื่องทุกแกลลอน ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป หากยังไม่ได้ใช้งาน ไม่ได้เปิดฝา และเก็บไว้ในที่ร่ม สามารถเก็บได้ประมาณ 3 ปี นับจากวันที่ผลิตครับ แต่หากมีการเปิดฝาใช้งานแล้ว ควรปิดฝาให้สนิท  และเก็บในที่ร่ม ไม่อับชื้น ไม่โดนน้ำ สามารถเก็บได้ 1 ปี นับจากวันใช้งานครับ แต่ทั้งนี้ ก่อนใช้งานครั้งต่อไป ควรสังเกตลักษณะทั่วไปของน้ำมันเครื่องด้วยว่า ยังมีลักษณะใส และไม่มีฝุ่นละออง หรือน้ำปนเปื้อนนะครับ

รถเก่าแล้ว ใช้งานเกิน 7-10 ปี แล้ว ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดไหน ความหนืดเท่าไร ?
ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือรถใหม่ สามารถใช้น้ำมันเครื่องได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันสังเคราะห์ กึ่งสังเคราะห์ หรือน้ำมันธรรมดา โดยหากเลือกใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์ ก็จะช่วยในเรื่องการปกป้องเครื่องยนต์ ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า เป็นต้น และหากสภาพเครื่องยนต์ยังดีอยู่ คือ ไม่มีอาการกินน้ำมันเครื่อง ก็สามารถเลือกเบอร์ความหนืดที่ใสขึ้นได้ เช่น SAE 5W-40 หรือ SAE 10W-30 เป็นต้น เพื่อช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง แต่หากสภาพของเครื่องยนต์ไม่ดี และมีอาการกินน้ำมันเครื่อง แนะให้ให้เลือกเบอร์ความหนืดที่ข้นขึ้น เช่น SAE 15W-40 หรือ SAE 20W-50 เป็นต้น เพื่อช่วยลดปัญหาดังกล่าว

รถยนต์ใช้งานน้อย วิ่งปีหนึ่ง ๆ ยังไม่ถึง 5,000 กม. จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายหรือไม่ ?
จำเป็นครับ การที่รถยนต์ใช้งานน้อย ไม่ว่าจะเป็นการจอดทิ้งไว้เป็นเดือน หรือขับใช้งานในเมือง ที่มีการจราจรหนาแน่น ทำให้ระยะที่ขับขี่น้อย ถือว่าน้ำมันหล่อลื่นทำงานหนักครับ เพราะการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ จะเกิดการปนเปื้อนของน้ำในอากาศ ทำให้สารเพิ่มคุณภาพเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น อีกทั้งการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น น้ำมันเครื่องก็ยังคงทำงานตลอดเวลาทั้งขณะรถติด และรถวิ่ง ดังนั้น จึงเป็นการควรที่จะพิจารณาระยะทางที่ขับขี่ ควบคู่ไปกับระยะเวลาที่เปลี่ยนถ่ายด้วย โดยเราควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 23:36:20 โดย Sumate »
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:45:18 »
อันนี้ก็เป็นตัวอย่างอีกยี่ห้อ ที่ราคาไม่แพง ผลิตในเยอรมัน

HIGHTEC SYNTH RS SAE 5W-40
 
o   Vollsynthetisches Mehrbereichs-Leichtlaufmotorenöl der Extraklasse. Bestens geeignet für PKW-Otto- und Dieselmotoren mit und ohne Turboaufladung. HIGHTEC-Technologie: kraftstoffsparend und verschleißmindernd.
o   Fully synthetic multigrade engine oil class. Best suited for passenger car gasoline and diesel engines with and without turbocharging. HIGHTEC technology: saves fuel and reduces wear.
o   Multigrade เครื่องยนต์ระดับน้ำมันสังเคราะห์ เหมาะที่สุดสำหรับรถยนต์นั่งเบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลที่มีและไม่มี turbocharging HIGHTEC เทคโนโลยี: บันทึกเชื้อเพลิงและลดการสึกหรอ
o   Qualitativ gleichwertig nach EU-Recht gemäß der nachfolgenden Klassifikationen/Spezifikationen:
   ACEA A3/B4
API SN/CF
BMW Longlife-01
MB 229.3
Porsche A40
PSA B71 2296
VW 502 00/505 00
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17018
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:51:22 »
คุณแมน บินบ่อยๆฝากซื้อแบบนี้ได้ไหมครับ ซื้อบ้านเราราคาแรงเหลือเกิน  O0



M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:54:42 »
ขอบคุณความรู้ดีๆ ครับพี่สุเมธ  :-*
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

manbm

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 181
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 23:59:24 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
คุณแมน บินบ่อยๆฝากซื้อแบบนี้ได้ไหมครับ ซื้อบ้านเราราคาแรงเหลือเกิน  O0
ได้เลยคับ แต่ช่วงนี้ผมยังไม่ได้บินคับเพิ่งกลับมาอยู่ไทยเลยคับกว่าจะกลับไปอีกทีก็เดือนหย้า เค้าส่งกลับมาให้ดูหน้าพ่อหน้าแม่ อะคับไปทีหลายเดือนเลย  แล้วอยากได้รุ่นไหนอะไรยังไงบอกมาเลยคับ โทรมาหาผมก็ไก้คับถ้าจะเอาเบอร์เยวผม pm ไปให้คับ ส่งข้อมูลมาทาง e- mail ก็ได้คับ เดี๋ยวผมซื้อมาให้ ว่าแต่ยี่ห้อนี้ ของ italy รึเปล่าคับเหมืแนผมเคยเห็นวางอยู่ที่ italy วางขายเยอะมากๆเลยครับ ถ้าจำไม่ผิด h-tech ตามรูป 5w-40 4ลิตร แกลอนละ 1400-1500 ถ้าจำไม่ผิดนะคับอาจจะคลาดเคลื่อนบ้างไม่รู้ว่าเมืองไทยขายกันกี่บาท?

Sen-Dai

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 751
  • น่ารัก แสนซน และมี เสน่ห์
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 00:03:55 »
ใช้อยู่ครับ ซื้อที่ B-ควิก ใช้ ฟลัดเครื่องยนต์ก่อนเปลี่ยนถ่ายครับ แล้วก็กระป๋องที่เติมกับน้ำมันเครื่องเพื่อล้างหัวฉีดครับ อันหลังใช้ 1 กระป๋อง ต่อน้ำมัน 2 ถังประจำครับ รู้สึกว่าวิ่งดีขึ้น หรือปล่าวหว่า  O0
:ซักวัน เส้นขอบฟ้า จะปรากฏ ณ โรงรถ

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17018
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 00:07:21 »
ผม ต้อม ครับ จำไม่ได้ว่าเคยขอเบอร์คุณแมนไว้หรือเปล่าช่วงก่อน 081 9226231 ครับ

ตัวที่อยากได้จะเป็น MOTUL 300V RACING 5W40 ครับ


M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

manbm

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 181
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 00:10:37 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ผม ต้อม ครับ จำไม่ได้ว่าเคยขอเบอร์คุณแมนไว้หรือเปล่าช่วงก่อน 081 9226231 ครับ

ตัวที่อยากได้จะเป็น MOTUL 300V RACING 5W40 ครับ
เบอร์ผมนะครับ 0912508132 แมนครับจะสั่งโทรมาได้เลยครับ ถ้าผมไปจะซื้อมาให้ครับแต่กว่าจะกลับมาอยู่ที่ไทยนานหน่อยนะครับ 3-4 เดือนมาทีนึง ถ้ารอได้ไม่มีปัญหาครับคุณต้อม ยังไงโทรมาได้เลยครับ

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 00:10:48 »
 :-* h-tech ตามรูป 5w-40 4ลิตร แกลอนละ 1400-1500 ถ้าจำไม่ผิดนะคับอาจจะคลาดเคลื่อนบ้างไม่รู้ว่าเมืองไทยขายกันกี่บาท?

ในไทยยังไม่มีนำเข้าคับ
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 01:23:50 »
อีกตัวคับถ้าไปเยอรมันลองดูตัวนี้ด้วยราคาเท่าไหร่คับ

BIZOL Green Oil Ultrasynth 5W-30


BIZOL Green Oil Ultrasynth 5W-30 ist ein topmodernes Motorenöl auf Basis der HC-Synthese  für die ganzjährige Verwendung besonders für Autos, die permanent im Stadtverkehr eingesetzt werden. Durch spezielle Additive, die BIZOL Green Oil Ultrasynth seine charakteristische grüne Farbe verleihen, wird die höchste Stabilität für den Motor in seinem gesamten Lebenszyklus garantiert: exzellenter Verschleißschutz und hervorragende Schmiereigenschaften unter allen Bedingungen – auch und insbesondere im Stadtverkehr.
 
Spezifikationen & Freigaben:
API SM, SL/CF
ACEA A3/B4-08
MB 229.5
VW 502 00 / 505 00
BMW Longlife-01
Opel LL-A-025/LL-B-025
Renault RN 0700/0710
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17018
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 07:37:19 »
ขอบคุณมากครับ


M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

jae

  • บุคคลทั่วไป
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 08:35:59 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน


รวม ๆ มอง ๆ แล้ว PAO ที่ใส่ไว้ในน้ำมันเครื่องรุ่นนี้มีแค่ 1-5% เท่านั้นเอง ที่เหลือก็คงเป็นBase synthetic group I, II ครับ เพราะไม่ต้องแจ้งลง MSDS

ถ้ามี ESTER, VIXOM, XHVI base oil ก็ต้องเขียนลงไว้ นี่ก็ไม่มี

ใช้ สังเคราะห์ บางจาก, PTT, ยังได้เคมีดี ๆ พอ ๆ กันครับ

น้ำมันเครื่องนำเข้า ที่ดีที่สุดตอนนี้ไม่มียี่ห้อไหนกล้าพูดว่าดีกว่า Mobil 1 จริง ๆครับ ถ้ามีบริษัทExxon ฟ้องไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ Mobil 1 เอาคำว่า leading oil technology ออกจากคำโฆษณาหมดโลกนี้เมื่อไหร่ แสดงว่ามีบริษัทอื่นเหนือกว่าครับ กฎหมายฝรั่งเขาแรง ใครโม้โดนฟ้องหมด



Sumate

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1435
Re: ใครเคยใช้ผลิตภัณฑ์ liqui moly บ้างครับ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 10:44:10 »
ขอบคุณ แจมากคับ ที่ช่วยเช็คข้อมูลให้คับ
ตัวแทนสินค้าออนไลน์ จากญี่ปุ่น รับสั่งตัดทั้งคันมาลงระบบใหม่/หัวตัด/เครื่อง/เกียร์/วิเคราะห์ระบบ E46 ด้วย GT1 Tel.088-856-8506 สุเมธ