สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้ผมกลับมารีวิวอีกครั้งหนึ่งกับรถของผม BMW318iase เครื่องN42
ซึ่งได้ทำการเปลี่ยนเฟืองท้ายจากเดิม3.45มาเป็น3.91เพราะคิดว่า มันน่าจะทำให้อัตราเร่งแรงขึ้น
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งไปอ่านเว็บต่างประเทศมา แล้วในนั้นเค้าพูดถึงรถM3 E46 เค้าไปเปลี่ยนเฟืองท้ายมาเป็น4.01แล้วอัตราเร่งดีขึ้น มันเลยกลายเป็นเรื่องที่จุดประกายความคิดผมว่า ถ้าเรามาทดเฟืองท้ายรถเราบ้างจะเกิดอะไรขึ้น ผมเลยเริ่มทำการศึกษา หาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการทดเฟืองท้าย ทั้งเว็บในและต่างประเทศ
พอได้ใจความสรุปง่ายๆว่า
การทดเฟืองท้าย จะทำให้รถมันมีอัตราเร่งดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทอร์คเพิ่มขึ้น แต่การได้อัตราเร่งที่ดีขึ้น ก็ต้องแลกมากับการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นและความเร็วปลายที่ลดลงด้วย แต่แรงม้าจะไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด มีแค่ทอร์คที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งทอร์คคือแรงบิด ซึ่งส่งผลโดยตรงกับอัตราเร่งของรถในช่วงแรกถึงกลาง ก่อนที่แรงม้าจะมารับช่วงต่อในตอนปลายของรอบเครื่องยนต์นั่นเอง(ทอร์ค =รอบต่ำ-ปานกลาง,ม้า=รอบสูง)
ทำให้นึกถึงสมัยยังเป็นวัยรุ่น ที่ขับมอไซค์ฮอนด้าโนวาจัง เดิมสเตอร์หลัง38 ใครอยากวิ่งเร็วขึ้นก็ใส่สเตอร์36
ใครอยากได้ตีนต้นจัดๆก็ใส่สเตอร์เบอร์40
เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น ผมเลยตัดสินใจ ลองซื้อเฟืองท้ายอัตราทด3.91มาใส่รถครับ

หลังจากติดตั้งและเติมน้ำมันเฟืองท้ายเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถออกจากอู่กลับบ้าน สัมผัสแรกที่ได้คือ รถมันมีแรงงมากขึ้น เวลาวิ่งช้าๆช่วงรถติด จะรู้สึกได้เลยว่า ไม่ต้องเหยียบคันเร่งลึกนักเพื่อให้รถไหลไปข้างหน้า ถ้าเผลิอเหยียบเหมือนเก่า รถจะพุ่งเลยล่ะ
ต่อมา เวลาที่วิ่งที่ความเร็วกลางๆประมาณ80กม/ชม แล้วทำการกดคันเร่งเพิ่มเพื่อเพิ่มความเร็ว ก็เห็นได้ว่า รถเร่งได้เร็วขึ้น และนี่ทำให้ขับสนุกขึ้นอีก จังหวะเร่งแซง รอบมาเร็ว เร่งแซงสนุกขึ้นเยอะเลย
ทีนี้มาดูว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

เครื่อง N42 ซึ่งติดตั้งไว้ในรถ BMW 318i มีแรงม้า 143ที่6000รอบต่อนาที และมีแรงบิดที่200Nmที่3750รอบต่อนาที และมีอัตราทดเฟืองท้ายโรงงานอยู่ที่ 3.45

เฟืองท้าย3.45


จากภาพ ถ่ายที่ความเร็วเท่ากันคือ 110กม/ชม ภาพซ้ายมือจะเห็นว่า รอบเครื่องอยู่ที่2400RPM ซึ่งยังใช้เฟืองท้าย3.45ที่เป็นเฟืองท้ายเดิมจากโรงงาน ส่วนภาพขวามือมีรอบเครื่องที่2750RPMซึ่งใช้เฟืองท้าย3.91ที่ทำการติดตั้งใหม่(รอบเพิ่มขึ้น350RPM)
ทีนี้ เวลาที่ขับที่ความเร็วนี้ และต้องการจะเร่งแซง (ซึ่งอัตราเร่งแซงนี้จะได้มาจากแรงบิดหรือทอร์ค)ซึ่งแรงบิดสูงสุดของเครื่องN42อยู่ที่ 3750RPM ดังนั้น ที่รอบปัจจุบันที่2750RPM จึงใช้เวลาน้อยกว่ารอบ2400RPM ที่จะไปยังรอบ3750RPM ซึ่งทำให้อัตราเร่งมาเร็วกว่าเดิม กินเวลาน้อยลงขณะเร่งแซงนั่นเอง
แล้วเรื่องอัตราเร่ง0-100ล่ะ จากที่เคยทำไว้กับเฟืองท้ายเดิม มีค่าเฉลี่ยที่ 10.2-12.4วินาที
ส่วนเวลาเฉลี่ยกับเฟืองท้ายใหม่อยู่ที่ 9.3-11.2 วินาที ครับ
จะเห็นได้ว่า อัตราเร่ง0-100 จะใช้เวลาน้อยลงไปประมาณ1วินาทีครับ (แต่ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ล้อหลังก็ยังไม่ฟรีเวลาออกตัว ถึงแม้ระบบASCจะถูกปิด)
ในเว็บต่างประเทศ บอกว่า ถ้าเปลี่ยนเฟืองท้ายแล้ว ควรจูนกล่องให้ไปตัดรอบที่7000RPMจะดีที่สุด (ปัจจุบันรถผมตัดที่6500RPM)
จากการเปลี่ยนเฟืองท้ายครั้งนี้ ทำให้สรุปได้ว่า อัตราเร่งตีนต้นดีขึ้น อัตราเร่งแซงดีขึ้น ขับสนุกขึ้น แล้วเรื่องการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงล่ะ?
แน่นอน เรื่องนี้ สำคัญมากเหมือนกันสำหรับผม เพราะสาเหตุที่ไม่ได้ซื้อรถ6สูบมาก็เพราะมันกินน้ำมันมากกว่า ถึงแม้แรงบิดและแรงม้าจะมากกว่าก็ตาม แต่ยุคนี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ผมจึงทำการทดลองต่อว่า เมื่อทดเฟืองท้ายแล้ว มันกินน้ำมันมากขึ้นแค่ไหน ผมทำการทดลองโดยอาศัยระยะทางจากอุบลถึงสีคิ้วเพื่อทำการทดสอบ โดยคราวที่แล้ว เคยทดลองกับเฟืองท้ายเดิมมาแล้ว
ค่าที่ใช้คือ วิ่งที่ความเร็ว 110กม/ชม วัดระยะทางจากเติมเชื้อเพลิงครั้งแรกที่ปั๊มที่อุบล ถึงปั๊มที่สีคิ้ว ได้ระยะทางเท่าไหร่ ก็นำมาหารกับปริมาณเชื้อเพลิงที่เติมจนตัด จะได้ค่าเฉลี่ยอัตราการสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงครับ


จากภาพด้านซ้าย คืออัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกับเฟืองท้ายเดิม ภาพด้านขวาคืออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกับเฟืองท้ายใหม่
จะเห็นว่า เดิมสิ้นเปลืองอยู่ที่11.35กม/ลิตร(ตอนนั้น ความจริงผมเติมแก๊สที่อุบล ผมลืมกดรีเซ็ตกิโลใหม่ มากดใหม่ตอนจะออกจากบ้านเพื่อเดินทาง ดังนั้น ระยะทางจากปั๊มแก๊สมาบ้านผม 5กม เห็นจะได้ ก็คำนวณใหม่ 406.8+5หารด้วย35.83 ได้ 11.49)
และเมื่อเปลี่ยนเฟืองท้ายใหม่ สิ้นเปลืองอยู่ที่ 10.47กม/ลิตร (414.5หาร39.56) เอ่อ....ไม่เลว
เชื้อเพลิงหายไปประมาณ 1กม/ลิตร ก็ยังรับได้ครับ ดังนั้นการเปลี่ยนเฟืองท้ายครั้งนี้ก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด แถมขับขี่มันส์ขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น ก็okเลยครับ

ดูที่คอมพิวเตอร์ออนบอร์ด หลังจากเติมเชื้อเพลิงและออกวิ่งอีกครั้ง พบว่า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 9.4ลิตรต่อ100กม(แต่อันนี้ ผมว่า ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าการวัดการใช้งานจริง)
สรุปการเปลี่ยนเฟืองท้ายจากเดิม3.45มาเป็น3.91มีผลดังนี้
ข้อดี
1 อัตราเร่งตีนต้น 0-100 ดีขึ้นประมาณ1วินาที
2 อัตราเร่งแซงดีขึ้น มั่นใจขึ้น
3 ทอร์คเพิ่มขึ้น(ตามทฤษฎี) และมาเร็วขึ้นสังเกตุจากอัตราเร่ง
4 ขับสนุกขึ้นเยอะเลย
ข้อเสีย
1 อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 1 กม/ลิตร
2 ความเร็วปลายที่เคยสองร้อยนิดๆ น่าจะลดลงมาบ้าง อาจอยู่ที่ร้อยเก้าสิบปลายๆแทน แต่ไม่ได้ลอง(แต่ก็ไม่มีผลมาก เพราะความเร็วเกิน180กม/ชม คงไม่มีใครได้ขับบ่อยนัก เพราะสภาพการจราจรและถนนบ้านเรา)
ถ้าได้Boot sprintแบบของคุณกฤษดามาติดอีกสักตัว คงสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่N42เครื่องหนึ่งจะทำได้แล้วแหล่ะ