ผู้เขียน หัวข้อ: ว่าด้วยค่าของออกเทน  (อ่าน 3876 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
ว่าด้วยค่าของออกเทน
« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2013, 19:34:46 »
กำลังสงสัยว่า ค่าออกเทน มันมีผลอะไรกับพละกำลังบ้างมั๊ย
คือ ค่าออกเทนนี่ พูดภาษาชาวบ้านก็คือ มันเอาไว้กันการจุดระเบิดก่อนเวลาอันควรใช่มั๊ย
แล้วถ้าค่านี้มันมากเกินไป การจุดระเบิดก็ไม่เกิดขึ้นรึเปล่า หรือ เกิดแต่มีผลอย่างไรกับเครื่อง
ถ้ามากเกินไปมันจะมีผลต่อกำลังเครื่องมั๊ย
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2013, 19:35:26 »
บางคนบอกว่า ยิ่งเยอะยิ่งแรงจริงมั๊ย
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

pj_yo

  • ขาประจำ
  • ****
  • กระทู้: 41
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2013, 00:02:53 »
ตามที่อ่านมาจากหลายๆที่ ไม่มีผลต่อเรื่องความแรงครับ

แต่จะช่วยไม่ให้เครื่องเขกหรือ ชิงจุดระเบิดก่อนศูนย์ตายบนแบบที่คุณ Chris เข้าใจครับ

ส่วนถ้าค่า octane เยอะๆผมยังไม่เคยได้ยินผลเสียนะครับ แต่น่าจะเหมาะกับรถที่แรงและมีการปรับจูนหรือทำพวก ลูก ก้าน ข้อ แคมองศาสูง(ทำไมถึงเค้าจูนแรงๆกัน แล้วไปE85เพราะ octaneมันสูง ไว้เล่นกันแคมองศาสูง+ไฟแก่ๆได้โดยเครื่องไม่เขก) ไม่ก็อย่างพวกรถสนาม หรือ supercar ครับ ได้ยินมาว่า C63 AMG โฉมปัจจุบัน require octane98+นะครับ โซฮอล95/95ก็เติมได้แต่performanceก็ดรอปลงมาเหมือนกัน


อันนี้ได้มาจากท่านนึงเรื่องจูน E85ในพวกรถเทอร์โบครับ
อ้างถึง
e85 มันมีองค์ประกอบหลักเป็น แอลกอฮอล์ ทำให้ตัวมันเองมี ออกซิเจนมากกว่าน้ำมันแบบอื่นๆ  ให้พลังงานน้อยกว่า ผลจากออซิเจนที่มีมาก ทำให้ การติดไฟยาก มองในแง่ stoic คือ  อัตราส่วนของเชื้อเพลิงกับอากาศ ที่ทำให้เกิดการติดไฟทางอุดมคติ  จากน้ำมัน มันต้องการ 1 ต่อ 14.7 แต่ อี85 ต้อง มีเชื้อเพลิงไปยัน  เชื้อเพลิง 1 ต่อ อากาศ 9.7 ส่วนในทางมวล ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน   ถ้าเติมต้องเพิ่ม การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้เยอะขึ้น
ข้อดี คือ ออกเทนสูง บูตได้หนัก กำลังอัดสูง โดยที่ไม่ชิงจุด   ถูกดี เหมาะสำหรับพวกจัดเต็ม
ข้อเสีย  เปลื้อง หาเติมยาก  ต้องปรับไฟให้แก่ๆ แอดวานด์ไปเยอะๆ ไม่งั้นเผาไหม้ไม่ทัน

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2013, 07:55:10 »
ที่นี้ พอบอกว่า รถมันต้องใช้ออกเทน98+แต่ใช้95ได้ แต่ประสิทธิภาพไม่สมบูรณ์
ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่า ค่าออกเทนต้องมีผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องสิ
หรือว่า ที่ค่าออกเทน95 มันจุดระเบิดก่อนกำลังอัดจะถึงที่กำหนดไว้
แล้วค่าออกเทน98มันจุดระเบิดขณะที่กำลังอัดถึงที่สุดรึเปล่า ไม่รู้เข้าใจถูกรึเปล่า
 ???
ทีนี้ มาดูพวก E85 ที่มีค่าออกเทน 100-108  แล้วมันทำให้รถแรงได้ยังไง ตามโฆษณาที่PTTโม้ :-\

แล้ว LPG ล่ะ มีค่าออกเทนอยู่ที่ 105 แต่ไม่มีสารหล่อลื่นเพราะเป็น แก๊ส แต่เท่าที่ทราบ ก็เป็นพลังงานสะอาด ประหยัดเช่นกัน ด้วยค่าออกเทนเกินร้อย มันก็ควรให้สมรรถนะสูงสุดของเครื่องเช่นกัน

สุดท้าย NGV ที่มีค่าออกเทน 120 อันนี้ที่รัฐบาลพยายามพลักดันมาตลอด บอกแรง สะอาด ถูก มันจะมีปัญหามั๊ย เพราะไม่มีสารหล่อลื่น และยังมีค่าออกเทนที่สูงมากมาก

แล้วอย่าง รถE46ที่ต้องการค่าออกเทนแค่98 แล้วเราเติม E85  LPG  NGVกัน มันเกินความจำเป็นมั๊ย?
มันจะทำให้เครื่องมีปัญหาจากค่าออกเทนที่เยอะเกินไปรึเปล่า?
หรือว่า พลังงานดังกล่าว มันทำให้เครื่องมีสมรรถนะสูงสุด
(E20 มีค่าออกเทน 98 พอดีกับสเป็กรถE46เลย แต่ไม่เหมาะซะงั้นเพราะมีแแอลกอฮอล์มากไป)

สุดท้าย รถE46ที่ต้องการออกเทน98ถึงจะรีดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่ง พลังงาน E20 E85 LPG NGV ให้ได้เกิน จึงทำให้ E46มีสมรรถนะสูงสุดเท่ากันในทุกพลังงานใช่มั๊ย
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

pj_yo

  • ขาประจำ
  • ****
  • กระทู้: 41
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2013, 11:47:48 »
ตามที่ผมเข้าใจ+กับที่อ่านมานะครับ ECUติดรถปกติเนี่ยจะมีฟังค์ชั่นการป้องกันในส่วนของพวกนี้อยู่แล้ว คือมันฉลาดปรับตามค่าของน้ำมัน เพื่อเซฟเครื่องยนต์เพื่อไม่ให้เกิดการเสียหาย เข้าใจว่าพอป้องกันปรับไฟหรือปรับน้ำมันที่ฉีดเข้ามาหรืออื่นๆ ทำให้ไม่ได้performanceตามที่สเป็คระบุไว้น่ะครับ

ส่วนE85ที่ PTTโม้ไว้ ผมว่าการตลาดครับเจ้านี้ มันมีองค์ประกอบหลายอย่างครับทั้งต้องเพิ่มขนาดหัวฉีด ต้องจ่ายน้ำมันเยอะขึ้น บลาๆๆ
อันนี้ข้อเสียE85จากคุณ The Blitz siam subaru
อ้างถึง
เอธานอลมีอีกหนึ่งคุณสมบัติคือดูดความชื้นได้ดีหรือพูดง่ายๆว่า ตัวเอธานอลจะดูดความชื้นในอากาศมาเก็บไว้และก็จะกลั่นออกมาเป็นน้ำ ปัญหาของเราคือเมื่อมันดูดความชื้นเข้ามากๆและมีน้ำปะปนอยู่กับน้ำมันมากๆ คุณภาพน้ำมันที่ได้ก็จะเลวลง เมื่อถึงจุดหนึ่งก็อาจทำให้เกิดการน๊อคจนถึงเครื่องพังได้ ดังนั้นถ้าจะใช้จริงๆควรจะมีการเติมบ่อยๆ วิ่งบ่อยๆไม่ควรจอดทิ้งไว้ (นั่นคือสิ่งที่เกิดกับแก๊ซโซฮอล ไม่ว่าจะ E10 E20 E85 หรือ E100 ก็ตาม) แน่นอนว่าราคาน้ำมันมันถูกกว่าทั่วๆไปแต่ก็ต้องใช้ปริมาณน้ำมันเยอะขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน ก็ไม่รู้จะคุ้มกันมั๊ยเพราะผมก็ยังไม่เคยลอง แต่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ขับรถ การรักษาคุณภาพน้ำมันเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะรถที่ไม่ได้ใช้กล่องเดิมหรือมีความยืดหยุ่นได้ ถ้าเป็นพวก Standalone มันจะไม่ปรับไฟให้ น๊อคคือน๊อค พังคือพัง ส่วนเรื่องอ๊อคเทนของ E85 บอกตรงๆพวกผมก็พยายามหามาพักนึงแล้ว แต่มันไม่มีที่ไหนบอกเอาไว้แบบชัดเจน ถ้าใครรู้เอามาแชร์กันครับ

ส่วนพวกพลังงานทดแทนต่างๆ พวกนี้มันปล่อยค่าความร้อนออกมาเยอะ ออคเทนเยอะก็จริง แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่า มันมีค่าอะไรซักอย่างที่มันไม่เหมือนน้ำมันเลยทำให้ได้พลังงาน outputออกมาไม่เท่าน้ำมันครับ
ผิดถูกยังไง รบกวนผู้รู้แก้ไขด้วยครับ

ส่วนข้อสุดท้าย ผมว่าออคเทน98นี่ต้องเป็นเบนซิลเพียวนะครับถึงจะได้ตามสเป็คสูงสุดตามที่เค้าเคลมมา ส่วนพลังงานอื่นๆน่าจะได้พลังงานได้ออกมาไม่เท่าเบนซิลเพียว แบบที่กล่าวมาข้างบนครับ

ปล.อันนี้คหสต. ผมว่าไม่จำเป็นต้องไปเติมระดับ 98 อะไรขนาดนั้นก็ได้ครับตราบใดที่ 95/โซฮอล95 มันยังไม่ทำให้เครื่องเราเขก ขนาด95พี่ๆยังซัด200+กันสบายๆเลย  :))
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 16, 2013, 11:49:55 โดย pj_yo »

Tornaero

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 339
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 00:59:26 »
จริงๆแล้ว กำลังของเครื่องยนต์ขึ้นอยู่กับ กำลังอัด (ที่ถูกคือ อัตราส่วนการอัด หรือ compression ratio)ครับ

รถที่มีกำลังอัด 10:1(ยุโรป) จะแรงและประหยัดกว่า  รถที่มีกำลังอัด 8:1 (ยุ่น) แน่นอน
สิ่งที่ตามมาก็คือ รถที่มีกำลังอัด 10:1 จะต้องการเลข ออกเทน 95 ครับ
ส่วน รถที่มีกำลังอัด 8:1 ทั่วไปใช้ ออกเทน 91 ก็พอ

ทีนี้ก็ทำให้คนทั่วไป ส่วนใหญ่เข้าใจว่า เติมน้ำมันเลขออกเทนสูงๆ เครื่องมันจะแรงครับ
แต่  !!!!!!ผิดมหัน!!!!! เพราะจริงๆมันขึ้นกับการออกแบบมาจากโรงงานครับ

รถที่มีกำลังอัด 8:1 จากโรงงาน จะเติมออกเทน 100 ก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าไร่ครับ เพราะมัน over require เติมได้(ไม่ทำให้เครื่องเสียหาย) แต่ไม่เกิดประโยชน์ครับ (เปลืองตังตะหาก)
ถ้าจะให้เติมเลขออกเทนสูงแล้วเครื่องแรงขึ้น คุณต้องเพิ่ม กำลังอัด ด้วยครับ เช่น การ"ปาดฝาสูบ"

อย่างไรก็ตาม ในรถรุ่นใหม่ๆ มันก็ไม่เป็นดังที่ผมกล่าว 100% เพราะ รถรุ่นใหม่ มีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วย Electronic Control Unit (ECU) ที่ชาญฉลาด
กล่าวคือมีระบบ feedback control system หรือการควบคุมแบบป้อนกลับ โดยอาสัย sensor ที่เรียกว่า knock sensor ครับ

ระบบมันจะโยงไปกับองศาการจุดระเบิดล่วงหน้า (Spark Advance) ที่ภาษาช่างเรียกว่าไฟแก่
ถ้าไฟแก่มาก เครื่องจะ knock (แปลว่าเคาะ ช่างไทยเรียกว่า เครื่องเขก)

ปกติถ้าไฟแก่มากเครื่องจะแรง แต่ถ้าแก่มาก เครื่องจะเขก
ทีนี้ไฟแก่ มันจะโยงกับเลขออกเทนด้วย เลขออกเทนยิ่งมาก จะยิ่งตั้งไฟแก่ได้มาก เครื่องจะแรงขึ้น จากการตั้งไฟแก่ได้

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบตั้งไฟแก่ โดยอัตโนมัติ ECU จะเพิ่มไฟแก่  (Spark Advance) เรื่อยๆจนกว่าเครื่องจะเขก   (knock)
เมื่อเครื่องเขก knock sensor จะจับอาการได้ และจะป้อนกลับ  (feedback) ไปที่ ECU เพื่อ ECU สั่งให้ ไฟอ่อน (Retard)
และเมื่อไม่เกิดอาการเขกแล้ว ECU ก็จะสั่งตั้งไฟแก่ เช่นเดิม จนกว่าจะเขกอีกครั้ง วนไปมา อย่างนี้เรื่อยๆ

ดังนั้น รถรั่นใหม่ๆ ที่สเปคเครื่องบิดให้เติม 91 แต่ดันไปเติม 95 ด้วย ECU ที่ฉลาด มันจะทำให้เกิดการตั้งไฟแก่มากขึ้น
ก็เข้า กฏไฟแก่มาก เครื่องแรงมาก จึงทำให้ รถรุ่นใหม่ที่มี ECU เติมเลขออกเทนสูง จะได้ความแรงขึ้นมาอีกเล็กน้อยครับ (แต่ไม่สู้ปาดฝาสูบ)

สรุปว่า การเติมน้ำมันเลขออกเทนสูง จะทำให้
1 รถโบราณใช้ คาบูเรเตอร์ กับจานจ่าย ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
2 รถรุ่นใหม่ใช้ ECU มีระบบ Multi Coil แรงขึ้นอีกเล็กน้อย

ปล1 ที่อธิบายมา ผมพยายามใช้ภาษาบ้านๆแล้วครับ ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือเปล่า
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลกครับ เพราะลูกศิษย์ผม ที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ก็ยังไม่เข้าใจเลย

ปล2 จริงรายละเอียดลึกๆ มีมากว่านี้นะครับ แต่ผมกลัวจะออกทะเล มันเกี่ยวกับ การชิงจุดระเบิด หรือ self ignition
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 17, 2013, 01:16:26 โดย Tornaero »

superking

  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 1085
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 07:08:50 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
จริงๆแล้ว กำลังของเครื่องยนต์ขึ้นอยู่กับ กำลังอัด (ที่ถูกคือ อัตราส่วนการอัด หรือ compression ratio)ครับ

รถที่มีกำลังอัด 10:1(ยุโรป) จะแรงและประหยัดกว่า  รถที่มีกำลังอัด 8:1 (ยุ่น) แน่นอน
สิ่งที่ตามมาก็คือ รถที่มีกำลังอัด 10:1 จะต้องการเลข ออกเทน 95 ครับ
ส่วน รถที่มีกำลังอัด 8:1 ทั่วไปใช้ ออกเทน 91 ก็พอ

ทีนี้ก็ทำให้คนทั่วไป ส่วนใหญ่เข้าใจว่า เติมน้ำมันเลขออกเทนสูงๆ เครื่องมันจะแรงครับ
แต่  !!!!!!ผิดมหัน!!!!! เพราะจริงๆมันขึ้นกับการออกแบบมาจากโรงงานครับ

รถที่มีกำลังอัด 8:1 จากโรงงาน จะเติมออกเทน 100 ก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าไร่ครับ เพราะมัน over require เติมได้(ไม่ทำให้เครื่องเสียหาย) แต่ไม่เกิดประโยชน์ครับ (เปลืองตังตะหาก)
ถ้าจะให้เติมเลขออกเทนสูงแล้วเครื่องแรงขึ้น คุณต้องเพิ่ม กำลังอัด ด้วยครับ เช่น การ"ปาดฝาสูบ"

อย่างไรก็ตาม ในรถรุ่นใหม่ๆ มันก็ไม่เป็นดังที่ผมกล่าว 100% เพราะ รถรุ่นใหม่ มีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วย Electronic Control Unit (ECU) ที่ชาญฉลาด
กล่าวคือมีระบบ feedback control system หรือการควบคุมแบบป้อนกลับ โดยอาสัย sensor ที่เรียกว่า knock sensor ครับ

ระบบมันจะโยงไปกับองศาการจุดระเบิดล่วงหน้า (Spark Advance) ที่ภาษาช่างเรียกว่าไฟแก่
ถ้าไฟแก่มาก เครื่องจะ knock (แปลว่าเคาะ ช่างไทยเรียกว่า เครื่องเขก)

ปกติถ้าไฟแก่มากเครื่องจะแรง แต่ถ้าแก่มาก เครื่องจะเขก
ทีนี้ไฟแก่ มันจะโยงกับเลขออกเทนด้วย เลขออกเทนยิ่งมาก จะยิ่งตั้งไฟแก่ได้มาก เครื่องจะแรงขึ้น จากการตั้งไฟแก่ได้

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบตั้งไฟแก่ โดยอัตโนมัติ ECU จะเพิ่มไฟแก่  (Spark Advance) เรื่อยๆจนกว่าเครื่องจะเขก   (knock)
เมื่อเครื่องเขก knock sensor จะจับอาการได้ และจะป้อนกลับ  (feedback) ไปที่ ECU เพื่อ ECU สั่งให้ ไฟอ่อน (Retard)
และเมื่อไม่เกิดอาการเขกแล้ว ECU ก็จะสั่งตั้งไฟแก่ เช่นเดิม จนกว่าจะเขกอีกครั้ง วนไปมา อย่างนี้เรื่อยๆ

ดังนั้น รถรั่นใหม่ๆ ที่สเปคเครื่องบิดให้เติม 91 แต่ดันไปเติม 95 ด้วย ECU ที่ฉลาด มันจะทำให้เกิดการตั้งไฟแก่มากขึ้น
ก็เข้า กฏไฟแก่มาก เครื่องแรงมาก จึงทำให้ รถรุ่นใหม่ที่มี ECU เติมเลขออกเทนสูง จะได้ความแรงขึ้นมาอีกเล็กน้อยครับ (แต่ไม่สู้ปาดฝาสูบ)

สรุปว่า การเติมน้ำมันเลขออกเทนสูง จะทำให้
1 รถโบราณใช้ คาบูเรเตอร์ กับจานจ่าย ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
2 รถรุ่นใหม่ใช้ ECU มีระบบ Multi Coil แรงขึ้นอีกเล็กน้อย

ปล1 ที่อธิบายมา ผมพยายามใช้ภาษาบ้านๆแล้วครับ ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือเปล่า
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลกครับ เพราะลูกศิษย์ผม ที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ก็ยังไม่เข้าใจเลย

ปล2 จริงรายละเอียดลึกๆ มีมากว่านี้นะครับ แต่ผมกลัวจะออกทะเล มันเกี่ยวกับ การชิงจุดระเบิด หรือ self ignition
โอ้...!!!! ผมชอบมากเลยครับ อยากให้ช่วยเข้ามาตอบเป็นหลักวิชาการอย่างงี้บ่อย ๆ ครับ ขอบคุณครับ  :-X :-X :-X :-X

rueanchai

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 67
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 12:04:16 »
เห็นด้วยกับคำตอบเป็นอย่างยิ่งครับ
เป็นคำตอบภาษาชาวบ้านๆแล้วครับ

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 13:53:10 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
จริงๆแล้ว กำลังของเครื่องยนต์ขึ้นอยู่กับ กำลังอัด (ที่ถูกคือ อัตราส่วนการอัด หรือ compression ratio)ครับ

รถที่มีกำลังอัด 10:1(ยุโรป) จะแรงและประหยัดกว่า  รถที่มีกำลังอัด 8:1 (ยุ่น) แน่นอน
สิ่งที่ตามมาก็คือ รถที่มีกำลังอัด 10:1 จะต้องการเลข ออกเทน 95 ครับ
ส่วน รถที่มีกำลังอัด 8:1 ทั่วไปใช้ ออกเทน 91 ก็พอ

ทีนี้ก็ทำให้คนทั่วไป ส่วนใหญ่เข้าใจว่า เติมน้ำมันเลขออกเทนสูงๆ เครื่องมันจะแรงครับ
แต่  !!!!!!ผิดมหัน!!!!! เพราะจริงๆมันขึ้นกับการออกแบบมาจากโรงงานครับ

รถที่มีกำลังอัด 8:1 จากโรงงาน จะเติมออกเทน 100 ก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าไร่ครับ เพราะมัน over require เติมได้(ไม่ทำให้เครื่องเสียหาย) แต่ไม่เกิดประโยชน์ครับ (เปลืองตังตะหาก)
ถ้าจะให้เติมเลขออกเทนสูงแล้วเครื่องแรงขึ้น คุณต้องเพิ่ม กำลังอัด ด้วยครับ เช่น การ"ปาดฝาสูบ"

อย่างไรก็ตาม ในรถรุ่นใหม่ๆ มันก็ไม่เป็นดังที่ผมกล่าว 100% เพราะ รถรุ่นใหม่ มีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วย Electronic Control Unit (ECU) ที่ชาญฉลาด
กล่าวคือมีระบบ feedback control system หรือการควบคุมแบบป้อนกลับ โดยอาสัย sensor ที่เรียกว่า knock sensor ครับ

ระบบมันจะโยงไปกับองศาการจุดระเบิดล่วงหน้า (Spark Advance) ที่ภาษาช่างเรียกว่าไฟแก่
ถ้าไฟแก่มาก เครื่องจะ knock (แปลว่าเคาะ ช่างไทยเรียกว่า เครื่องเขก)

ปกติถ้าไฟแก่มากเครื่องจะแรง แต่ถ้าแก่มาก เครื่องจะเขก
ทีนี้ไฟแก่ มันจะโยงกับเลขออกเทนด้วย เลขออกเทนยิ่งมาก จะยิ่งตั้งไฟแก่ได้มาก เครื่องจะแรงขึ้น จากการตั้งไฟแก่ได้

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบตั้งไฟแก่ โดยอัตโนมัติ ECU จะเพิ่มไฟแก่  (Spark Advance) เรื่อยๆจนกว่าเครื่องจะเขก   (knock)
เมื่อเครื่องเขก knock sensor จะจับอาการได้ และจะป้อนกลับ  (feedback) ไปที่ ECU เพื่อ ECU สั่งให้ ไฟอ่อน (Retard)
และเมื่อไม่เกิดอาการเขกแล้ว ECU ก็จะสั่งตั้งไฟแก่ เช่นเดิม จนกว่าจะเขกอีกครั้ง วนไปมา อย่างนี้เรื่อยๆ

ดังนั้น รถรั่นใหม่ๆ ที่สเปคเครื่องบิดให้เติม 91 แต่ดันไปเติม 95 ด้วย ECU ที่ฉลาด มันจะทำให้เกิดการตั้งไฟแก่มากขึ้น
ก็เข้า กฏไฟแก่มาก เครื่องแรงมาก จึงทำให้ รถรุ่นใหม่ที่มี ECU เติมเลขออกเทนสูง จะได้ความแรงขึ้นมาอีกเล็กน้อยครับ (แต่ไม่สู้ปาดฝาสูบ)

สรุปว่า การเติมน้ำมันเลขออกเทนสูง จะทำให้
1 รถโบราณใช้ คาบูเรเตอร์ กับจานจ่าย ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
2 รถรุ่นใหม่ใช้ ECU มีระบบ Multi Coil แรงขึ้นอีกเล็กน้อย

ปล1 ที่อธิบายมา ผมพยายามใช้ภาษาบ้านๆแล้วครับ ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือเปล่า
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลกครับ เพราะลูกศิษย์ผม ที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ก็ยังไม่เข้าใจเลย

ปล2 จริงรายละเอียดลึกๆ มีมากว่านี้นะครับ แต่ผมกลัวจะออกทะเล มันเกี่ยวกับ การชิงจุดระเบิด หรือ self ignition
เข้าใจเลยครับ อธิบายได้ดีมาก ;)
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

ooooatooo

  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 2796
    • http://www.clube46.com
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 14:27:14 »
เท่าที่ผมเคยได้ยินมาพวกที่ทำโหดๆเค้าบอกผมมาว่า ถ้าอากาศร้อน วิ่งตอนกลางวัน ออกเทน 100 โอเคมาก แต่ถ้าอากาศเย็นวิ่งตอนกลางคืน ออกเทน 100 เติมไปก็ไม่มีผล 91 ยังวิ่งดีกว่าอีก

อันนี้ผมเข้าใจว่าค่าออกเทน มีผลกับความร้อนภายนอก ถูกต้องรึเปล่าครับ ชี้แนะด้วย
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 14:59:46 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
จริงๆแล้ว กำลังของเครื่องยนต์ขึ้นอยู่กับ กำลังอัด (ที่ถูกคือ อัตราส่วนการอัด หรือ compression ratio)ครับ

รถที่มีกำลังอัด 10:1(ยุโรป) จะแรงและประหยัดกว่า  รถที่มีกำลังอัด 8:1 (ยุ่น) แน่นอน
สิ่งที่ตามมาก็คือ รถที่มีกำลังอัด 10:1 จะต้องการเลข ออกเทน 95 ครับ
ส่วน รถที่มีกำลังอัด 8:1 ทั่วไปใช้ ออกเทน 91 ก็พอ

ทีนี้ก็ทำให้คนทั่วไป ส่วนใหญ่เข้าใจว่า เติมน้ำมันเลขออกเทนสูงๆ เครื่องมันจะแรงครับ
แต่  !!!!!!ผิดมหัน!!!!! เพราะจริงๆมันขึ้นกับการออกแบบมาจากโรงงานครับ

รถที่มีกำลังอัด 8:1 จากโรงงาน จะเติมออกเทน 100 ก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าไร่ครับ เพราะมัน over require เติมได้(ไม่ทำให้เครื่องเสียหาย) แต่ไม่เกิดประโยชน์ครับ (เปลืองตังตะหาก)
ถ้าจะให้เติมเลขออกเทนสูงแล้วเครื่องแรงขึ้น คุณต้องเพิ่ม กำลังอัด ด้วยครับ เช่น การ"ปาดฝาสูบ"

อย่างไรก็ตาม ในรถรุ่นใหม่ๆ มันก็ไม่เป็นดังที่ผมกล่าว 100% เพราะ รถรุ่นใหม่ มีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วย Electronic Control Unit (ECU) ที่ชาญฉลาด
กล่าวคือมีระบบ feedback control system หรือการควบคุมแบบป้อนกลับ โดยอาสัย sensor ที่เรียกว่า knock sensor ครับ

ระบบมันจะโยงไปกับองศาการจุดระเบิดล่วงหน้า (Spark Advance) ที่ภาษาช่างเรียกว่าไฟแก่
ถ้าไฟแก่มาก เครื่องจะ knock (แปลว่าเคาะ ช่างไทยเรียกว่า เครื่องเขก)

ปกติถ้าไฟแก่มากเครื่องจะแรง แต่ถ้าแก่มาก เครื่องจะเขก
ทีนี้ไฟแก่ มันจะโยงกับเลขออกเทนด้วย เลขออกเทนยิ่งมาก จะยิ่งตั้งไฟแก่ได้มาก เครื่องจะแรงขึ้น จากการตั้งไฟแก่ได้

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบตั้งไฟแก่ โดยอัตโนมัติ ECU จะเพิ่มไฟแก่  (Spark Advance) เรื่อยๆจนกว่าเครื่องจะเขก   (knock)
เมื่อเครื่องเขก knock sensor จะจับอาการได้ และจะป้อนกลับ  (feedback) ไปที่ ECU เพื่อ ECU สั่งให้ ไฟอ่อน (Retard)
และเมื่อไม่เกิดอาการเขกแล้ว ECU ก็จะสั่งตั้งไฟแก่ เช่นเดิม จนกว่าจะเขกอีกครั้ง วนไปมา อย่างนี้เรื่อยๆ

ดังนั้น รถรั่นใหม่ๆ ที่สเปคเครื่องบิดให้เติม 91 แต่ดันไปเติม 95 ด้วย ECU ที่ฉลาด มันจะทำให้เกิดการตั้งไฟแก่มากขึ้น
ก็เข้า กฏไฟแก่มาก เครื่องแรงมาก จึงทำให้ รถรุ่นใหม่ที่มี ECU เติมเลขออกเทนสูง จะได้ความแรงขึ้นมาอีกเล็กน้อยครับ (แต่ไม่สู้ปาดฝาสูบ)

สรุปว่า การเติมน้ำมันเลขออกเทนสูง จะทำให้
1 รถโบราณใช้ คาบูเรเตอร์ กับจานจ่าย ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
2 รถรุ่นใหม่ใช้ ECU มีระบบ Multi Coil แรงขึ้นอีกเล็กน้อย

ปล1 ที่อธิบายมา ผมพยายามใช้ภาษาบ้านๆแล้วครับ ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือเปล่า
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลกครับ เพราะลูกศิษย์ผม ที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ก็ยังไม่เข้าใจเลย

ปล2 จริงรายละเอียดลึกๆ มีมากว่านี้นะครับ แต่ผมกลัวจะออกทะเล มันเกี่ยวกับ การชิงจุดระเบิด หรือ self ignition

ขอบคุณครับ  ::2thmb::
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

Arin2000

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 389
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 15:03:23 »
เอามาให้ลองอ่านกันอีกทีครับ


ค่าออกเทน (Octane) คือ "ค่าความต้านทานการจุดระเบิดน้ำมันเบนซินก่อนเวลาที่กำหนดของเครื่องยนต์" [/b]หรือตัวเลขแสดงความต้านทานการน็อคของเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ ถ้าค่าออกเทนสูงจะมีความต้านทานการน็อคของเครื่องยนต์สูง "ไม่เกี่ยวกับความแรงของเครื่องยนต์"

ส่วนค่าที่มีผลต่อความแรงของเชื้อเพลิงแต่ละประเภทคือ "ค่าความร้อนของตัวเชื้อเพลิงจากการเผาไหม้ หรือค่า HV (Heating Value)" เช่น "น้ำมันเบนซิน" เมื่อมีการสันดาบหรือจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ จะมีค่าความร้อนมากกว่า "แอลกอฮอล์" เพราะฉะนั้นเมื่อเราใช้เชื้อเพลิงที่มีค่า HV ต่ำลง ก็ต้องจ่ายเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเผาไหม้ในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อให้ได้ค่าพลังงานความร้อนและแรงม้าเท่าเดิม
 
การออกแบบเครื่องยนต์เบนซิน ของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ มีความแตกต่างกันตามแนวคิดทางและพื้นฐานวิศวกรรม จึงต้องใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนแตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนเหมาะสมกับความต้องการของเครื่องยนต์ตามที่ผู้ผลิตแต่ละรายกำหนดไว้ จะทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความแรงของเครื่องยนต์นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และการดูแลบำรุงรักษา เครื่องยนต์มากกว่าชนิดเชื้อเพลิง
 
น้ำมันเบนซินที่ใช้กับรถยนต์จะมีการกำหนดค่าออกเทนเอาไว้จากผู้ผลิตเพื่อให้เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละประเภท โดยน้ำมันเบนซินที่มีจำหน่ายตามปั๊มน้ำมันจะเป็นน้ำมันไร้สารตะกั่ว จะจำแนกตามค่าออกเทนเพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่

1. น้ำมันเบนซินค่าออกเทน 87 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีสีเขียวนำไปใช้กับมอเตอร์ไซด์เครื่องยนต์สองจังหวะ และรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์เบนซินรุ่นเก่าที่มีกำลังอัดในห้องเผาไหม้น้อยกว่า 8.5 ต่อ 1
 
2. น้ำมันเบนซินค่าออกเทน 91 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีสีแดงนำไปใช้กับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์สี่จังหวะ และมีกำลังอัดในห้องเผาไหม้ตั้งแต่ 8.5 - 10.0 ต่อ 1
 
3. น้ำมันเบนซินค่าออกเทน 95 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีสีเหลืองนำไปใช้กับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์เบนซินสี่จังหวะ และมีกำลังอัดในห้องเผาไหม้มากกว่า 10.0 ต่อ 1
 
ค่าออกเทนของน้ำมันเบนซินที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ดังนี้
 
1. ถ้ามีกำลังอัดในแต่ละกระบอกสูบต่ำกว่า 125 ปอนด์ หมายถึง มีกำลังอัด 8.5 : 1 ควรใช้น้ำมันเบนซินค่าออกเทน 87
 
2. ถ้ามีกำลังอัดในแต่ละกระบอกสูบระหว่าง 125 - 140 ปอนด์ หมายถึง มีกำลังอัดสูงกว่า 8.5 : 1 ขึ้นไป (แต่ไม่เกิน 10.0 ต่อ 1) ควรใช้น้ำมันเบนซินค่าออกเทน 91
 
3. ถ้ามีกำลังอัดในแต่ละกระบอกสูบสูงกว่า 140 ปอนด์ขึ้นไป หมายถึง มีกำลังอัดสูงกว่า 10.0 : 1 ขึ้นไป จึงใช้น้ำมันเบนซินค่าออกเทน 95
 
ผู้ขับขี่รถยนต์จำนวนไม่น้อยมีความเชื่อว่า "ถ้าใช้น้ำมันเบนซินค่าออกเทนสูงกว่าที่กำหนดไว้จะทำให้เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มขึ้น รถยนต์จะขับขี่ได้เร็วขึ้นด้วย" แต่...จากการตรวจสอบทั้งภาคสนามและในห้องปฏิบัติการพบว่าไม่เป็นไปตามความเชื่อนี้แต่อย่างใด ดังนั้นการใช้น้ำมันเบนซินกับเครื่องยนต์ใดๆจึงมีหลักการว่า "ควรขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรถยนต์แต่ละชนิดจะกำหนดไว้" เช่น ถ้าบริษัทผู้ผลิตได้กำหนดให้เครื่องยนต์มีค่าออกเทน 91 ก็ควรเติมน้ำมันเบนซิน 91 ให้ตรงกับค่าออกเทนของเครื่องยนต์ ไม่ควรใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่านี้ เนื่องจากไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น แม้ว่าอาจจะไม่มีความเสี่ยงใดๆเกี่ยวกับความเสียหายของเครื่องยนต์ใดๆ แต่เราก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ "แพงกว่า" ยิ่งในยุควิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นนี้เราจะจ่ายแพงกว่าทำไมครับ
 
สิ่งสำคัญคือ...ไม่ควรใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนต่ำกว่าที่กำหนดไว้ของเครื่องยนต์ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ คือถ้าหากขับรถยนต์ที่ผู้ผลิตระบุว่าให้เติม 91 ก็ควรเติมน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 ส่วนผู้ที่ขับรถยนต์ที่ผู้ผลิตระบุว่าให้เติม 95 ก็ควรเติมน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 95 เช่นกัน
 
ปัจจุบันผู้ผลิตและสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงได้แข่งขันกันในการจำหน่ายน้ำมันให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ โดยกลยุทธ์ของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันส่วนใหญ่ก็มักจะโฆษณาชวนเชื่อและพยามสร้างจุดเด่นหรือจุดขายของน้ำมันตนเองเพื่อชักจูงใจให้มาใช้บริการ แต่ในความเป็นจริง จากการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันพบว่า น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละยี่ห้อที่มีการโฆษณาว่ามีการเติมสารปรุงแต่ง (Additives) เพื่อเพิ่มคุณภาพต่างๆนั้น แท้จริงแล้วก็ล้วนเป็นสารปรุงแต่งชนิดเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ และเนื้อน้ำมันพื้นฐานก็มีคุณภาพใกล้เคียงกันหรือมาจากแหล่งเดียวกัน โดยเมื่อนำไปทดสอบด้วยเครื่องวัดแรงม้า พบว่าน้ำมันส่วนใหญ่ไม่มีความแตกต่างกัน หรือถ้ามีความแตกต่างกันก็น้อยมากเพียง 1 - 2 เปอร์เซนต์ของแรงม้าที่วัดได้เท่านั้น เมื่อขับรถยนต์ด้วยน้ำมันที่มีแรงม้าต่างกันเพียงเล็กน้อยก็แทบจะไม่มีผลให้รู้สึกว่าแตกต่างกัน เพียงแต่ว่าผู้ขับขี่รถยนต์อาจเกิดความอุปทานไปเองก็ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 17, 2013, 20:06:49 โดย Arin2000 »

pj_yo

  • ขาประจำ
  • ****
  • กระทู้: 41
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 13:35:43 »
ขอบคุณคุณ Tornaero ด้วยครับ  :-X

ooooatooo

  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 2796
    • http://www.clube46.com
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 14:11:42 »
ขอบคุณข้อมูลครับ ผมเข้าใจถูกมาบ้างเหมือนกัน ^^!
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

zan

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1175
  • Back off girl!
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 17:23:56 »
อาจารย์ Tornaero อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายได้ครับ ขอบคุณครับ

-*-

Tornaero

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 339
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2013, 23:59:53 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
เท่าที่ผมเคยได้ยินมาพวกที่ทำโหดๆเค้าบอกผมมาว่า ถ้าอากาศร้อน วิ่งตอนกลางวัน ออกเทน 100 โอเคมาก แต่ถ้าอากาศเย็นวิ่งตอนกลางคืน ออกเทน 100 เติมไปก็ไม่มีผล 91 ยังวิ่งดีกว่าอีก

อันนี้ผมเข้าใจว่าค่าออกเทน มีผลกับความร้อนภายนอก ถูกต้องรึเปล่าครับ ชี้แนะด้วย

วิเคราะห์ให้ครับ เลขออกเทนเกี่ยวกับความร้อน ถูกต้องครับ
ถ้าอากาศข้างนอกร้อน ก็จะเสี่ยงต่อ อาการเครื่องเขกครับ ดังนั้น ออกเทนสูงจะดีกว่า

ตัวอย่างเช่น รถที่ติด Turbo จะทำให้อากาศที่เข้าท่อไอดีมีความดันสูงและแน่นอนว่า อุณหภูมิจะสูงตามไปด้วย แบบนี้ รถติด Turbo จะมีโอกาศเครื่องเขกสูงครับ
วิธีแก้คือ
1 เติมน้ำมันออกเทนสูง
2 ลดกำลังอัดเครื่องยนต์
3 ติด อินเตอร์คูลเลอร์ อันนี้จะลด ความร้อนของอากาศเข้าเครื่องยนต์ (อินเตอร์คูลเลอร์  ก็คือ หม้อน้ำตัวหนึ่ง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2013, 00:13:35 โดย Tornaero »

Tornaero

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 339
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2013, 00:08:14 »
แถมให้เป็นความรู้ครับ เกี่ยวกับเลขออกเทน ตารางที่ให้เปรียบเทียบเลขออกเทนนะครับ

จะเห็นว่า แก๊สมีเทน (ส่วนประกอบหลักของ NGV) ออกเทนสูงมากถึง 120 ผมเคยปาดฝาสูบเล่นกับเพื่อนสมัยทำวิจัยเรื่องนี้ ซัดไป 16:1 เครื่องยังไม่เขก

LPG คือ Propane+Butane ออกเทนสูงมากเช่นกันครับ

เอทานอล E100 ออกเทน 107 อันนี้ก็เพิ่มกำลังอัดได้สูงครับ แต่ข้อเสียคือ ค่า Heating Value น้อยกว่า เบนซิล(Gasoline) เกือบครึ่ง ดังนั้นใครคิดว่าเติม E85 ที่ราคาถูกๆกระเป๋าครึ่งหนึ่ง จะถูกจริงนะครับ เพราะมันจะวิ่งได้น้อยลงเกือบครึ่ง เช่น เดิมเต็มถังเบนซิลวิ่งได้ 1000 โล E85 จะได้แค่ 600 โล ยังไงก็ดีก็ประหยัดอยู่ดี ประมาณ 15-20% ได้

ส่วนตระกูล ดีเซล ไม่มีค่าออกเทนครับ มีแต่ค่า ซีเทน คนละเรื่องกัน

ทีนี้อาจสงสัยกันว่า มีทั้ง RON กับ MON มันต่างกันที่วิธีทดสอบครับ มีมาตรฐานอยู่
แน่นอนครับ ที่ติดตามปั๊มเป็น RON (ใครจะเอาค่าน้อยๆมาโชว์ละ จริงมั้ยครับ  :)) )

อีกนิดตรง Heat of vaporization ครับ เอทานอลค่าสูงกว่า เบนซิน มากๆ นั่นหมายถึง แอลกอฮอล ระเหยยากกว่าเบนซินครับ
ใครที่บอกเติม E85 แล้วหมดไวเนื่องจากระเหย ไม่จริงนะครับ
เคยลองเอาใส่แก้ว ทิ้งไว้ซักอาทิตย์ มาดู เบนซินหายเยอะกว่า E85 ครับ
ทีนี้ผมมี เบนซิน ออกเทน 100 ที่เอาไว้เติมเครื่องบิน ตัวนี้ยิ่งระเหยง่ายครับ

ไว้นึกอะไรดีๆออก จะมาโพสเพิ่มเติมนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2013, 00:12:06 โดย Tornaero »

zan

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 1175
  • Back off girl!
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2013, 08:34:39 »


รออ่านบทความต่อไปครับ
-*-

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17013
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2013, 10:04:53 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
จริงๆแล้ว กำลังของเครื่องยนต์ขึ้นอยู่กับ กำลังอัด (ที่ถูกคือ อัตราส่วนการอัด หรือ compression ratio)ครับ

รถที่มีกำลังอัด 10:1(ยุโรป) จะแรงและประหยัดกว่า  รถที่มีกำลังอัด 8:1 (ยุ่น) แน่นอน
สิ่งที่ตามมาก็คือ รถที่มีกำลังอัด 10:1 จะต้องการเลข ออกเทน 95 ครับ
ส่วน รถที่มีกำลังอัด 8:1 ทั่วไปใช้ ออกเทน 91 ก็พอ

ทีนี้ก็ทำให้คนทั่วไป ส่วนใหญ่เข้าใจว่า เติมน้ำมันเลขออกเทนสูงๆ เครื่องมันจะแรงครับ
แต่  !!!!!!ผิดมหัน!!!!! เพราะจริงๆมันขึ้นกับการออกแบบมาจากโรงงานครับ

รถที่มีกำลังอัด 8:1 จากโรงงาน จะเติมออกเทน 100 ก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าไร่ครับ เพราะมัน over require เติมได้(ไม่ทำให้เครื่องเสียหาย) แต่ไม่เกิดประโยชน์ครับ (เปลืองตังตะหาก)
ถ้าจะให้เติมเลขออกเทนสูงแล้วเครื่องแรงขึ้น คุณต้องเพิ่ม กำลังอัด ด้วยครับ เช่น การ"ปาดฝาสูบ"

อย่างไรก็ตาม ในรถรุ่นใหม่ๆ มันก็ไม่เป็นดังที่ผมกล่าว 100% เพราะ รถรุ่นใหม่ มีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วย Electronic Control Unit (ECU) ที่ชาญฉลาด
กล่าวคือมีระบบ feedback control system หรือการควบคุมแบบป้อนกลับ โดยอาสัย sensor ที่เรียกว่า knock sensor ครับ

ระบบมันจะโยงไปกับองศาการจุดระเบิดล่วงหน้า (Spark Advance) ที่ภาษาช่างเรียกว่าไฟแก่
ถ้าไฟแก่มาก เครื่องจะ knock (แปลว่าเคาะ ช่างไทยเรียกว่า เครื่องเขก)

ปกติถ้าไฟแก่มากเครื่องจะแรง แต่ถ้าแก่มาก เครื่องจะเขก
ทีนี้ไฟแก่ มันจะโยงกับเลขออกเทนด้วย เลขออกเทนยิ่งมาก จะยิ่งตั้งไฟแก่ได้มาก เครื่องจะแรงขึ้น จากการตั้งไฟแก่ได้

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบตั้งไฟแก่ โดยอัตโนมัติ ECU จะเพิ่มไฟแก่  (Spark Advance) เรื่อยๆจนกว่าเครื่องจะเขก   (knock)
เมื่อเครื่องเขก knock sensor จะจับอาการได้ และจะป้อนกลับ  (feedback) ไปที่ ECU เพื่อ ECU สั่งให้ ไฟอ่อน (Retard)
และเมื่อไม่เกิดอาการเขกแล้ว ECU ก็จะสั่งตั้งไฟแก่ เช่นเดิม จนกว่าจะเขกอีกครั้ง วนไปมา อย่างนี้เรื่อยๆ

ดังนั้น รถรั่นใหม่ๆ ที่สเปคเครื่องบิดให้เติม 91 แต่ดันไปเติม 95 ด้วย ECU ที่ฉลาด มันจะทำให้เกิดการตั้งไฟแก่มากขึ้น
ก็เข้า กฏไฟแก่มาก เครื่องแรงมาก จึงทำให้ รถรุ่นใหม่ที่มี ECU เติมเลขออกเทนสูง จะได้ความแรงขึ้นมาอีกเล็กน้อยครับ (แต่ไม่สู้ปาดฝาสูบ)

สรุปว่า การเติมน้ำมันเลขออกเทนสูง จะทำให้
1 รถโบราณใช้ คาบูเรเตอร์ กับจานจ่าย ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
2 รถรุ่นใหม่ใช้ ECU มีระบบ Multi Coil แรงขึ้นอีกเล็กน้อย

ปล1 ที่อธิบายมา ผมพยายามใช้ภาษาบ้านๆแล้วครับ ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือเปล่า
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลกครับ เพราะลูกศิษย์ผม ที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ก็ยังไม่เข้าใจเลย

ปล2 จริงรายละเอียดลึกๆ มีมากว่านี้นะครับ แต่ผมกลัวจะออกทะเล มันเกี่ยวกับ การชิงจุดระเบิด หรือ self ignition

 :-X

ผมสงสัยอยู่จุดนึงนะครับ อาจารย์ (เกี่ยวกับรถผมเองนะครับ)

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบตั้งไฟแก่ โดยอัตโนมัติ ECU จะเพิ่มไฟแก่  (Spark Advance) เรื่อยๆจนกว่าเครื่องจะเขก   (knock)
เมื่อเครื่องเขก knock sensor จะจับอาการได้ และจะป้อนกลับ  (feedback) ไปที่ ECU เพื่อ ECU สั่งให้ ไฟอ่อน (Retard)
และเมื่อไม่เกิดอาการเขกแล้ว ECU ก็จะสั่งตั้งไฟแก่ เช่นเดิม จนกว่าจะเขกอีกครั้ง วนไปมา อย่างนี้เรื่อยๆ

รถผม เวลาวิ่งปกติไม่เป็นอะไร ใช้ความเร็วแบบปกติได้ไม่มีปัญหา (ไม่ลากรอบยันขีดแดง )

แต่ถ้าลากรอบสุดทุกเกียร์ (เหยียบแบบแช่คันเร่งยาวไปเลยครับ เกียร์ AT ) จะมีอาการเหมือน คอย์ลจุดระเบิด เสียทุกที และจะเป็นเฉพาะที่เกียร์ 3 เข้า 4 ตลอด เอาเครื่องเช็คมาก็เป็น การจุดระเบิดผิดพลาด

สอบถามไปทางเมืองนอก ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นมาจาก การตั้งองศาแคม ผิด (เป็นแคมแต่งครับ)

พอดีเห็นข้อความของอาจารย์เลยมาคิดอีกทีว่า แบบนี้จะเกี่ยวกับการตั้งเรื่อง ไฟ ด้วยหรือเปล่าครับ รบกวนขอความเห็นหน่อยครับ  :-X



M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

Tornaero

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 339
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2013, 16:53:47 »
ตอบ พี่ tom46 ครับ วิเคราะห์ยากครับ เอาเป็นว่าเท่าที่ตอบได้คือ
1. เวลา ลากรอบ สุดๆ ระบบ ตั้งไฟแก่-ไฟอ่อน อัตโนมัติ จะถูกยกเลิกไปครับ เพราะจังหวะนี้ต้องการกำลังมากๆจะไม่สนใจความประหยัดแล้ว ระบบ closed loop จะยกเลิกไป เหลือแต่ open loop (ไม่มีการป้อนกลับจาก knock sensor) ดังนั้นไม่น่าจะเกี่ยวกับระบบไฟ (คาดว่านะครับ ไม่ฟันธง)

2. จาก Fault Code มันบอก Misfired ก็คือ จุดไม่ติด ทีนี้คุณ Tom46 ใช้ CAM แต่ง ซึ่งส่วนมาก CAM แต่ง จะเปิดวาล์ว ไอดีนานๆเพื่อให้อากาศ เข้าเยอะ รถจะได้แรงขึ้น
หรืออาจปรับองศาแคม ให้แรงที่รอบต่างไปจากที่ออกแบบไว้จากโรงงาน ซึ่งโอกาศที่การเปิด-ปิด วาล์วผิดพลาด จะมีสูงครับ กรณีนี้ช่วงรอบสูง อาจเกิด off-design เลยทำงานพลาดไป
แต่ก็น่าสงสัยว่าทำไมมันเกิดแค่สูบเดียว

ต้องขอคิดทบทวนหลายตลบก่อนครับ ยังคิดไม่ออกจริงๆทำไม misfired ได้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2013, 17:14:49 โดย Tornaero »

tom46

  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 17013
  • M52TUB30 SCHRICK CAM
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2013, 22:42:10 »
ครับ ขอบคุณมากครับอาจารย์


M52TUB24 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

jaruwat

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 333
Re: ว่าด้วยค่าของออกเทน
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2013, 16:08:49 »
แล้ว n42 กำลังอัดเท่าไรหนอ  ผมใช้โซออ91 อยู่ก็ปกตินะ