บทส่งท้ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BMW รุ่น E46 ทุกรุ่น- พวงมาลัยแบบสามก้าน มัลติฟังก์ชั่น
....พวงมาลัยแบบสปอร์ตสามก้านพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน เหมือนกับรถรุ่นใหม่ๆทั่วไป ปุ่มควบคุมวิทยุ (ทางซ้าย) และปุ่ม cruise control ทางขวามือ แตรของ e46 สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าค่อนข้างแข็งและกดยากเมื่อเทียบกะรถญี่ปุ่นทั่วไป พวงมาลัยสามารถปรับระดับสูงต่ำ และเข้าใกล้หรือออกห่างจากตัวผู้ขับขี่ได้ โดยจะมีตัวล็อคอยู่ด้านใต้ของพวงมาลัย พวงมาลัยนิ่ง และให้ฟีลลิ่งของผิวถนนได้มาก ความรู้สึกเหมือนพวงมาลัยมันไวเกิน แต่ที่ความเร็วสูงๆพวงมาลัยนิ่งดี เรื่องของวงเลี้ยวเมื่อเทียบกับ W202 จะรู้สึกได้ว่าบีเอ็มฯ วงเลี้ยวกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด
- เรือนไมล์
แผงหน้าปัด ที่โชว์มาตรวัดและสัญญาณเตือนต่างๆ พร้อมทั้งอัตราการกินน้ำมัน (ลิตร/100 กม.แต่ก็สามารถโปรแกรมเป็น km./L ได้) แสงไฟบนหน้าปัดเป็นสีส้มทั้งหมดเวลาเปิดไฟหน้า ตามสไตล์บีเอ็มฯ
- สมรรถนะในการขับขี่
.... พูดถึงเรื่องสมรรถนะการขับขี่ คันนี้ให้ฟีลลิ่งการขับขี่ตามสไตล์รถยุโรป เกาะถนนดี เข้าโค้งแล้วรู้สึกนิ่ง มั่นใจ การขับขี่โดยรวมสมกับสโลแกนของบีเอ็มฯครับ “Joy is BMW” ที่คนเขาบอกกันว่า “ขับสนุก” มันเป็นยังไง
- ตัวถัง
โครงรถออกแบบมาดีไม่รู้สึกว่ามีอะไรบดบังสายตาเวลาขับขี่ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง ภายในห้องโดยสารกว้าง ไม่รู้สึกอึดอัด (สูง 170 หนัก 60) การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดี เงียบ ตอนใช้แตรคิดว่าแตรรถไม่ค่อยดัง แต่ปรากฏว่าเป็นเพราะเสียงมันไม่ค่อยลอดเข้ามาในห้องโดยสาร
- ถุงลมนิรภัย (Air bag)
เรื่องของถุงลม ในรุ่น SE(Special Edition)มีทั้งหมด 8 ใบ คือ ที่ประตูทั้ง 4 บาน ที่พวงมาลัย ที่คอนโซลหน้าด้านข้างคนขับ และที่เสาเอทั้งสองด้าน อันนี้เป็นปัจจัยหลักอีกอันหนึ่งที่เป็นเหตุผลที่ควรเลือกซื้อสำหรับ e46 แทนที่จะซื้ออัลติสหรือซีวิคป้ายแดง เพราะรู้สึกว่าจ่ายเงินเท่าๆกัน แต่ได้ความปลอดภัยมากกว่า ส่วนในรุ่น IA จะไม่ถุงลมด้านคนนั่งหลังทั้งสองประตูเท่านั้น
- เรื่องของปัญหาจุกจิก
....หากหาข้อมูลในเว็บคลับ จะมีคนกล่าวไว้ค่อนข้างมาก แต่โดยส่วนตัวที่เคยพบดังนี้คือ
• กระจกตกราง อันนี้เห็นว่าเป็นกันหลายคัน ส่วนตัวตอนนี้กระจกด้านหน้าซ้ายเริ่มมีเสียงก๊อกแก๊กเวลาเปิดขึ้นลง คงจะงานเข้าในอีกไม่นาน แต่เห็นว่าค่าซ่อมไม่แพงมาก
• เรื่องตู้แอร์รั่ว นี่ก็เห็นว่าเป็นกันเยอะ
• กระปุกพักน้ำหม้อน้ำรั่ว อันนี้ผมตามประสพการณ์ผมก็โดนมา 2 หน เป็นรอยแตกยาวแนวดิ่งประมาณ 1 คืบ โชคดีไม่โดนตอนออกต่างจังหวัด ... อันนี้เห็นว่าเป็นกันหลายคันเช่นกัน แต่ลักษณะอาจต่างกัน บางคนอาจรั่วตรงรอยต่อ เป็นตามด ฯลฯ
• แอร์ไม่เย็นตรงช่องลมกลาง(กลายเป็นลมค่อนข้างร้อน) แต่ด้านข้างเย็นปกติ อันนี้แรกๆ ผมเจอปัญหาเวลาที่ลืมปิดแอร์ก่อนที่จะดับเครื่อง เวลาสตาร์ตเครื่องใหม่แล้วคอมฯแอร์มันไม่ทำงาน เหมือนกับระบบไฟมันค้าง และมีบางครั้งเหมือนกันที่แม้จะปิดแอร์ก่อนดับเครื่อง พอมาสตาร์ตใหม่แอร์ก็ไม่ยอมทำงานอีก เกือบจะเอาไปให้ช่างดูหลายหนแล้ว แต่ปรากฏว่าหลังจากที่เปลี่ยนกระปุกพักน้ำหม้อน้ำไป อาการรวนของระบบแอร์หายเป็นปลิดทิ้งเลยครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ไว้ว่าจะถามช่างดูอีกที
- การบำรุงรักษา
....เรื่องสุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือเรื่องค่าบำรุงรักษา และค่าอะไหล่ต่างๆครับ ราคาที่แสดงด้านล่างนี้เป็นราคาอู่นอกนะครับ แต่เป็นอู่ที่ซ่อมบีเอ็มฯโดยเฉพาะ ใครมีข้อมูลราคาอื่นๆมาแชร์กันก็ยิ่งดีนะครับ
เริ่มกันที่ค่าบำรุงรักษากันก่อน
• น้ำมันเครื่อง ( 0W-40 Full Synthetic) ลิตรละ 350-500 (ตามคู่มือสี่สูบ 4.25 ลิตร,หกสูบใช้ 6.5-7 ลิตร ) ช่างบอกใช้ได้ประมาณ 10,000 กม. กรองน้ำมันเครื่อง 250 บ. ค่าแรง 350 บ. โดยประมาณ
• ถ่ายน้ำมันเกียร์ทั้งระบบรวมทอล์คใช้ 8.8 ลิตร์ (พี่สุเมธบอกมา) และน้ำมันเฟืองท้าย 1.1 ลิตร (จากคุณอวิรุท) ใช้สัก 50,000 โล ค่อยเติมใหม่
• ถ่ายน้ำหม้อน้ำ น้ำยาหม้อน้ำ ขวดละ 350 บ. สกรูไล่ลมน้ำ ตัวละ 105 บ. ใช้ 2 ตัว ค่าแรง 200 บ.
- ค่าซ่อม + ค่าอะไหล่
• ค่ากุญแจรีโมท 5,000 บ. สั่งศูนย์ประมาณ 10,000 และต้องรอเกือบเดือน (จำได้คร่าวๆ ไม่แน่ใจนัก แต่จำได้ว่ารอนาน) เพราะต้องส่งมาจากเยอรมัน
• แผงจิ้งหรีด (แผงยางตรงขอบด้านล่างติดกับกระจกหน้ารถ) ของเดิมส่วนใหญ่มันจะเปื่อยตามอายุ มันเปื่อยกรอบมีรอยแหว่งไปหลายจุด ราคาศูนย์รวมภาษี 2,575 บ.อะไหล่วัดโสมแพงกว่า 2-3 ร้อยบาท เพราะต้องสั่งมาจากศูนย์
• กระปุกพักน้ำหม้อน้ำ โดนค่าอะไหล่ (ของแท้มีประกัน 2 ปี 3,5xx บ.) + ค่าแรง (นอกสถานที่ 400 บ.) เบ็ดเสร็จ 3,9xx บ. ไม่แน่ใจว่าอายุการใช้งานนานแค่ไหน ของเทียบ 1,500 บ.
•. หม้อน้ำ E46 ประมาณ 9,000 – 10,000 บ. (เป็นราคาหม้อน้ำแท้ของบีเอ็มฯ) ส่วนอะไหล่เทียบอย่างดีราคา 6,500 บาท ... ล่าสุดเคยถามช่างเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้สามารถใส่ฝาหม้อน้ำแบบอลูมิเนียมได้แล้ว ส่วนตัวถ้าหม้อน้ำรั่วคงเปลี่ยนเป็นพวกนี้ เพราะว่าน่าจะหาร้านซ่อมได้ง่ายกว่าเวลาที่ออกต่างจังหวัด
.....เคยมีคนเขียนไว้ว่า รถรุ่นนี้เป็นรถที่น่าใช้ เมื่อพิจารณาถึงสมรรถนะ ความปลอดภัย และราคาตอนนี้ซึ่งสูสีกับรถญี่ปุ่นป้ายแดงขนาดกลาง รูปร่างหน้าตาออกแบบได้สวยลงตัวทั้งหน้าและหลัง ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ หากใช้บริการอู่นอกก็ประหยัดไปได้เยอะครับ เมื่อเทียบกับเบนซ์มือสองในราคาเท่าๆกัน บีเอ็มฯได้คันที่ปีใหม่กว่าหลายปีเลยทีเดียว
เรื่องปัญหาจุกจิก ส่วนตัวเห็นว่าขึ้นกับสองส่วนครับ ส่วนแรกคือเจอช่างที่รู้ปัญหาและแก้ปัญหาได้ตรงจุดรึเปล่า และส่วนที่สองคือตัวผู้ใช้รถเองด้วยว่าสังเกตอาการของรถได้ดีแค่ไหน (ผมคิดเปรียบเทียบเหมือนเวลาคนไปหาหมอน่ะครับ ถ้าเราบอกหมอถึงอาการได้ละเอียดเท่าไหร่ หมอก็น่าจะวินิจฉัยได้ถูกโรคมากขึ้นเช่นกัน) คิดว่าน่าจะครอบคลุมข้อมูลทั่วๆไปและหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังหาข้อมูลอยู่ครับ ขอจบการรีวิวฯแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน สวัสดีครับ.
