อ่านเล่นๆ ระหว่างรอคำตอบ
อันนี้ที่พี่สุเมธ อธิบายมาให้ฟังครับ
หัวฉีดอายุงานหลายปีจะตัน ฉีดไม่ครบทุกรู ทำให้ได้ปริมาณการฉีด ไม่ได้แบบหัวฉีดใหม่
เราจะซื้อหัวฉีดมือ 2 มา 4 หัวจะใช้ได้ไม่เกิน 2 หัว และต้องมาล้างใหม่
เพราะนั้นล้างด้วยระบบอุลตร้าโซนิคดีกว่า
น้ำยาเป็นน้ำยาล้างหัวฉีด และใช้ความถี่อัลตร้าโวนิคยิงคลื่นความถี่ใส่น้ำ จึงเกิดการคอมเพรสชั่นในระบบน้ำยา กระทบกับโลหะ เช่นเดียวกับการล้างนาฬิกา แว่นตา
คราบทุกๆๆอย่างที่อยู่ในซอกหรือรู จะออกมาหมด ทำให้เปรียบได้ว่าเหมือนหัวฉีดใหม่
ผลของการล้างหัวฉีดและทดสอบการฉีดจนได้ค่ามาตรฐานแบบของใหม่แล้ว ทำให้เครื่องยนต์ทำงานรอบนิ่ง และตอบสนองอัตราเร่งได้ดีเหมือนรถใหม่
ใครที่คิดว่าเครื่องหลวม แต่จริงๆๆหลังจากการเทสแรงอัตกระบอกสอบแล้วได้ค่ามาตรฐานคือ 120 psi ถีอว่าเครื่องไม่หลวม
ใครที่คิดว่าหัวเทียนไม่ดี พอเปลี่ยนแล้ว ก็เหมือนเดิม
เนื่องจากการทำงานของเครื่องยนต์ คือ ดูด /อัด / ระเบิด / คาย ต้องอาศัย ปัจจัยที่สมบูรณ์ขั้นต้น
1.ช่วงดูดอากาศเข้า ลูกสูบลง ปริมาณอากาศที่วาลย์เปิดมาให้พอ (ตามมุม% ปีกผีเสื้อที่เปิด ) (กรองอากาศไม่ตัน ) ที่คือส่วนทางเข้าจังหวะที่ 1 คือ ดูด ต้องสมบูรณ์
2.ช่วงอัดอากาศ ลูกสูบขึ้นบน วาลย์ไอดี-ไอเสียจะปิด น้ำมันจะฉีดแบบ pilot เพื่อจุดระเบิดนำทาง เรียกจังหวะที่ 2 นี้ว่าจังหวะ อัด
3.ช่วงระเบิด ลูกสูบขึ้นบนสุดหัวฉีดน้ำมัน ตามมุมปีกผีเสื้อ หัวเทียนจุดระเบิด ลูกสูบเคลื่อนลง ฉีดปิดท้ายอีกครั้งเพื่อให้จุดระเบิดให้ได้แรงแบบเต็มที่ได้พลังงานมากที่สุดในการกดลูกสูบลงไปดันข้อเหวี่ยงที่เป็นโหลดจนลูกสูบลงสุด ช่วงจังหวะที่ 3 นี้เรียกว่า จังหวะระเบิด
4.ช่วงคายไอเสีย ลูกสูบจะวิ่งขึ้น วาลย์ไอเสียจะเปิดกว้างเพื่อคายไอเสียจนหมด จังหวะที่ 4 นี้นี้เรียกว่า คาบ
หัวเทียนจะจุดประกายไฟตามหัวฉีดโดยมีเวลาหน่วงไว้ทุกขั้นตอนการฉีดน้ำมัน
สรุปได้ว่าปัญหาส่วนใหญ่
1.ไม่ได้มาจาก กรองอากาศ เพราะเราจะดูแลกันตลอดตอนเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
2. ไม่ได้มาจากหัวเทียน/คอลจุดระเบิด เพราะมีการเปลี่ยนกันทุก 2ปีหรือ 4 ปีครั้ง หรือเวลามันเสียมันจะไม่จุดประกายไฟเลย ต้องเปลี่ยนทันที
3.ไม่ได้มาจากแรงอัดกระบอกสูบ ซึ่งบางคนว่ามันหลวม เป็นที่แหวน / วาลย์และบ่าวาลย์ ไอดี-ไอเสีย เพราะส่วนมากทดสอบแรงอัดแล้วจะได้ค่ามาตรฐานคือ 120 PSI
มาจากหัวฉีดที่ตัน
- ในหัวฉีดจะประกอบด้วยโซลินอย (ที่ไม่ค่อยมีโอกาศเสีย )
- เข็มแทง (โอกาศเสียน้อย )
แต่ปลาย nozzle ของหัวฉีดจะมีรู 6 รู/8 รู/10รู /12รู และรูนั้นมีขนาดเล็กใหญ่ตาม ความจุกระบอกสูบ ในจำนวนรูเช่นหัวฉีด 8รู ถ้าตันไป2-3 รูปริมาณการฉีดเมื่อทดสอบจะได้ปริมาณน้อยกว่าเขา ทำให้ตุดระเบิดได้ไม่เต็มที่เพราะ
1.ปริมาณเชื้อเพลิงในการฉีดแต่ละครั้งไม่พอ
2.มุมการฉีด (แรงดัน 3 บาร์ )ไม่ได้ตามที่ต้องการและไม่รุนแรง
3.เมือตันการฉีดจะไม่เป็นฝอยแต่จะเป็นหยดน้ำมันออกมา ทำให้จุดระเบิดไม่ดี ไม่สมบูรณ์ เพราะน้ำมันไม่เป็นฝอย
ผลเสียคือ
1.เครื่องยนต์ประสิทธิภาพตกลง แรงม้าลดลง
2.กินน้ำมันมากเพราะต้องเร่งเครื่องขึ้นมาแทนน้ำมันจะใช้มากกว่าเดิมเพื่อให้แรงเครื่องยนต์พอขับเคลื่อนไปได้
3.เขม่ามาก ไปเกาะตามบ่าวาลย์-วาลย์ เพราะจุดระเบิดไม่หมด เนื่องจากน้ำมันไม่เป็นฝอยให้ง่ายต่อการจุดระเบิดในช่วงเวลาเสี้ยววินาที
4.เครื่องเดินเบาไม่เรียบเท่าที่ควร (ไม่เหมือนรถใหม่ )
วิธีการล้างหัวฉีด และทดสอบหัวฉีด
1.ล้างอัลตร้าโซนิสครั้งที่ 2 ตามโปรแกรม
2.ทดสอบการฉีดหัวฉีดเปิดตรง
3.ทดสอบหัวฉีดและวัดปริมาณการฉีดแบบความถี่ตามจังหวะรอบเดินเบาเครื่องยนต์
4.ทดสอบหัวฉีดและวัดปริมาณการฉีดแบบความถี่ตามจังหวะรอบปานกลาง 2500 รอบ/นาที
5.ทดสอบหัวฉีดและวัดปริมาณการฉีดแบบความถี่ ตามจังหวะรอบสูง 4000 รอบ/นาที
เช็คปริมาณการฉีดว่าได้ปริมาณเชื้อเพลิง เท่ากันทุกหลอดแก้วไหม ถ้าไม่ได้ตัวที่ต่ำกว่าต้องเอามาเข้าขั้นตอนการล้างด้วยอุลตร้าโซนิคซ้ำใหม่ จนได้ค่าที่มาตรฐานสมบูรณ์เทียบเท่าหัวฉีดใหม่
ผลที่ทดสอบกันรถ bmw E46 N42 / E46 M52tu / E46 M43tu
1.เครื่องยนต์รอบเดินเบาเรียบ
2.อัตราเร่งดีขึ้น ไม่เป็นเหมือนที่พูดว่าเหมือนอาการเครื่องหลวม หรือเร่งไม่ขึ้น
3.ประหยัดน้ำมันขึ้นเหมือนรถใหม่
ที่เห็นได้ชัดเจนคือ 3 ข้อนี้
ส่วนท่านที่ต้องการ ให้ปริมาณการฉีดน้ำมันมากกว่าเดิม ต้องเปลี่ยนหัวฉีดที่มีปริมาณการฉีดมากกว่าเดิม เช่นแบบ 8รู/10รู/12รู ปริมาณการฉีดแต่ละครั้งจะมากขึ้น
แบบพวกที่ติดซุป-โบ และพวกที่ขยายความจุกระบอกสูบ หรือโมดิฟายเครื่องยนต์ให้ปริมาณอากาศเข้ามากและคาบเร็ว
นับถือ
สุเมธ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์
สมัครสมาชิก หรือ
ล็อกอินไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์
สมัครสมาชิก หรือ
ล็อกอิน